กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลของฟิลิปปินส์ กรณี”นายโรดริโก ดูเตอร์เต” ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ จูบปากสาวฟิลิปปินส์รายหนึ่ง ในระหว่างการถ่ายทอดสดออกอากาศทางโทรทัศน์ ในงานพบปะแรงงานฟิลิปปินส์ ที่ทำงานอยู่ในเกาหลีใต้ ช่วงปลายสัปดาห์ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้
โดยรายงานข่าวระบุว่า ขณะที่”ดูเตอร์เต” กำลังขึ้นพูดในงานพบปะกับกลุ่มแรงงานฟิลิปปินส์ ในเกาหลีใต้ เขาได้เรียกผู้หญิง 2 คนนี้ขึ้นไปบนเวที เพื่อมอบหนังสือเกี่ยวกับเรื่องทุจริตให้ พร้อมแสดงท่าทางให้ผู้หญิงคนหนึ่งจูบเขาเป็นข้อแลกเปลี่ยน
พร้อมพูดเป็นภาษาตากาล็อกว่า คุณโสดไหม? คุณไม่ได้แยกกันอยู่กับสามีใช่ไหม แต่คุณสามารถบอกเขาได้ว่านี่เป็นแค่เรื่องตลกน่ะ ท่ามกลางเสียงเชียร์ เสียงกรี๊ด จากผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนฟิลิปปินส์
หลังจากเรื่องนี้เป็นข่าวออกมา “กลุ่มกาเบรียลา” กลุ่มสิทธิมนุษชนฟิลิปปินส์ ได้ออกมาโจมตีว่า เป็นเรื่องน่าขยะแขยง”
ผู้หญิงคนดังกล่าว ชื่อ Bea Kim พักอยู่ในกรุงโซลเป็นระยะเวลา 7 ปีกับสามีชาวเกาหลีและลูกสาว 2 คน เธอกล่าวว่า เธอพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการจูบ เพื่อความบันเทิงและทำให้ชาวฟิลิปปินส์ที่มาร่วมงานมีความสุข เธอบอกอีกว่าไม่มีอะไรเชิงชู้สาว และตอนถูกเรียกขึ้นไป สามีของเธอก็นั่งอยู่ตรงหน้า
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ดูเตอร์เต”ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสตรี
ด้านชาวเน็ตฟิลิปปินส์ ต่างตำหนิการกระทำดังกล่าว เช่น ระบุว่า ทันทีที่ประธานาธิบดี “ดูเตอร์เต” เดินทางกลับมาถึงฟิลิปปินส์ ที่ปรึกษาของเขาควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขอโทษสำหรับ “การจูบที่โง่เขลา”ที่กรุงโซล
สำหรับ นายโรดริโก ดูเตอร์เต” หรือชื่อเล่นว่า”ดีกง” เป็นนักการเมืองและทนายความ เป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนที่ 16 ชื่อเสียงของเขาถูกรู้จักในบทบาทของการใช้นโยบายขั้นรุนแรงในการปราบปรามอาชญากร จนได้รับฉายาว่า “ผู้ลงทัณฑ์”
และถูกวิจารณ์ว่า นโยบายเขาทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันราย
เส้นทาง ทางการเมืองของเขา เริ่มจากเป็น “นายกเทศมนตรีเมืองดาเวา”กว่า 22 ปี ต่อมาในพ.ศ. 2559 ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงราว 13 ล้านเสียงหรือคิดเป็น 38.72 % ของผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด
หลังจากขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดี เขาก็ประกาศทำสงครามยาเสพติด โดยให้ “ตำรวจ” สังหารผู้ต้องสงสัยในคดียาเสพติดได้ทันทีโดยไม่มีความผิด เพียง 2 เดือนหลังเขา นั่งประธานาธิบดี มีผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติดถูกฆาตกรรมหลายพันราย
แม้ว่า”องค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน” จะออกมาโจมตีอย่างหนัก แต่เขาไม่สนใจ ยังคงดำเนินนโยบายสงครามยาเสพติดมาถึงทุกวันนี้
จากข่าวการจูบปากสาวรายนี้ ต้องดูกันต่อไปว่า จะกระทบต่อตำแหน่งของเขาอย่างไรต่อไป