“นาจิบ ราซัก” ช้ำหนัก!! ตร.มาเลย์ค้นบ้านหาหลักฐานมัดตัวทุจริต 2.2 หมื่นล.??

558

 

credit : www.malaysiakini.com

 

“นาจิบ ราซัค” เจอที่นั่งลำบากซ้ำหนักไปอีก หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งมาเลเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  และล่าสุดอาจจะตกเป็น “ผู้ต้องหา” คดีฉ้อโกงเงิน “กองทุนเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ”  ราว 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า  22,000 ล้านบาท

 

เหตุการณ์ความตึงเครียด เกิดขึ้นเมื่อกลางดึก 17 พ.ค.61 ที่ผ่านมา   เมื่อตำรวจมาเลเซียกว่า 10 คน ได้บุกเข้าค้นบ้านพักของ “นาจิบ” เพื่อหาหลักฐานโยงเหตุทุจริตในครั้งนี้   พร้อมทั้งได้ตรวจค้นในอีก 4 จุด เช่น คอนโดหรูของ”นาจิบ”  ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

 

 

ตำรวจมาเลเซีย ยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่าการตรวจค้นนี้ดำเนินการภายใต้กฎหมาย โดยจะนำของใช้ส่วนตัวและกระเป๋าถือจำนวน 2 ใบเก็บของ “นายนาจิบ” ไปเป็นหลักฐาน และคาดว่า การค้นหาหลักฐานต่างๆ ยังคงเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะพบหลักฐานสำคัญที่จะมัดตัว”นาจิบ”ได้

 

 

ซึ่งเหตุการณ์นี้  เป็นไปตามคำประกาศของ”มหาเธร์ โมฮัมหมัด” ที่จะสอบสวนกรณีอื้อฉาวนี้

 

 

แค่สัปดาห์เดียว จึงทำให้สถานการณ์การเมืองมาเลเซีย ระอุขึ้นมาทันที จนกลายเป็นที่จับตาของคนทั่วโลก

 

 

เชื่อว่า การเมืองมาเลเซียต่อจากนี้ จะเข้าสู่ “โหมดดุเดือด” อย่างแน่นอน  โดยคาดว่า 2 สาเหตุหลักที่จะทำให้การเมืองมาเลเซีย เข้าไปสู่การเผชิญหน้า และจะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นคือ

 

 

  1. ความคาดหวังของคนมาเลซียต่อรัฐบาล”มหาเธร์ โมฮัมหมัด” ในการจัดการกับการทุจริตที่อื้อฉาวของ”นาจิบ”นี้ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความเคืองแค้นให้กับชาวมาเลเซียมาหลายปี ถ้าจำกันได้เมื่อปี พ.ศ.2558 ได้มีการชุมนุมของ กลุ่มเบอร์ซีห์  ที่เรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังให้มีการสอบสวนในเรื่องนี้ แต่ด้วยกลไกอำนาจรัฐที่อยู่ในมือของ “นาจิบ” ทำให้ไม่สามารถจัดการอะไรกับเขาได้

 

ดังนั้นถ้าหาก”มหาเธร์ โมฮัมหมัด”ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้กระจ่างได้ ปลายดาบก็จะหันมาที่”มหาเธร์”แทน ซึ่ง”มหาเธร์” คงไม่ยอม “เสียคนตอนแก่”แน่ และคงเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปจนกว่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับชาวมาเลย์ได้

 

 

 

 

แต่”นาจิบ” คงไม่รอให้ถูกกระทำฝ่ายเดียว เพราะต้องไม่ลืมว่า พรรคแนวร่วมแห่งชาติ (Barisan Nasional หรือ BN) ที่นำโดยพรรคอัมโน ของ “ปีกนาจิบ”ก็มีฐานคนของคนมาเลย์ ที่เรียกว่า “ภูมิปุตรา (Bumiputera)” เป็นฐานเสียงที่สำคัญและจำนวนมากด้วย  หาก “มหาเธร์” รุกหนักไป ก็อาจได้เห็นเหตุการณ์ “ม็อบชนม็อบ” เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงชุมนุม เมื่อปี 2558 ก็ได้เกิดเหตุการณ์นี้มาแล้ว

 

 

  1. กรณี”อันวาร์ อิบราฮิม” แกนนำ “แนวร่วมแห่งความหวัง” หรือปากาตัน ฮาราปัน หรือ พีเอช ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษพ้นผิดจาก”สมเด็จพระราชาธิบดี” ในคดีความผิดทางเพศและถูกจำคุก 5 ปี

 

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า “มหาเธร์”จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีราว 2 ปี จากนั้นจะให้ “อันวาร์ อิบราฮิม” รับตำแหน่งนี้ต่อ แม้ว่า “อันวาร์”จะบอกกับ มหาเธร์ว่ายังไม่ต้องการตำแหน่งในตอนนี้ และให้ภรรยาคือ  “นางวัน อซิซาห์ วัน อิสมาอิล” นั่งรองนายกฯ ไปก่อน แต่ความต้องการของเขาคงไม่ได้หยุดแต่นั้น

 

ต้องไม่ลืมว่า ภาวะของ”อันวาร์”ตอนนี้เหมือนกวางที่หลุดจาก “บ่วงบาศ” หลุดออกมาแล้ว มีหรือ ที่เขาจะหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ วันนี้มันเป็นวันของเขาที่จะกลับมายิ่งใหญ่ มันไม่แปลกที่เขาดูไม่เคียดแค้น “มหาเธร์” เลย

 

แถมบอกว่าเรื่องนั้นมันก็นานมาแล้วอภัยให้กับ “มหาเธร์”  ทั้งที่ได้กระทำต่อเขาอย่างเจ็บปวดที่สุด อาจจะเพราะ “อันวาร์”เห็นว่า “มหาเธร์”เป็นไม้ใกล้ฝั่งแก้แค้นไปไร้ประโยชน์สู้ใช้ประโยชน์เพื่อให้ตนเองกลับมายิ่งใหญ่จะดีกว่า

 

 

 

 

แต่บุคคล ที่”อันวาร์” เห็นว่าเป็นเป็น “ก้างขวางคอชิ้น”ใหญ่จริงๆก็คือ “นาจิบ ราซัค”นี่หละ  แถมเรื่องนี้หากจัดการได้เห็นผลคงได้รับคะแนนนิยมจากคนมาเลย์อีกต่างหาก ดังนั้น จะก่อนหรือหลังจากนั่งนายกฯ “อันวาร์”คงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย! และนั่นจะเป็นนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงได้

 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงไม่เป็นการวิเคราะห์ที่เกินเลย เพราะเห็นได้จาก “วิถีการเมืองของมาเลเซีย” ตลอดที่ผ่านมาที่เป็นอยู่แล้ว และคงจับตาดูกันต่อไปว่าพัฒนาการของปัญหาและทางออกการเมืองของ “มาเลเซีย”จะเป็นอย่างไรต่อไป???