สวัสดีครับพบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia วันนี้มาติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 กันบ้าง ที่ล่าสุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง
พร้อมระบุ จะยกระดับ ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือชั้นนำอันดับหนึ่งของเอเชีย และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
เมื่อ 7 กันยายน 2562 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้รับฟังบรรยายสรุปภารกิจการดำเนินงาน แนวทางการบริหาร และพัฒนาโครงการสำคัญต่าง ๆ ของ ท่าเรือแหลมฉบัง
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานท่าเรือแหลมฉบัง Cr.ภาพ FB: PR LCP
โดยเฉพาะโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติภายใต้ Thailand 4.0 และรับฟังความคืบหน้าการดำเนินกิจการของ ทลฉ. พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงาน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือหลักและเป็นประตูเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ที่สำคัญให้กับประเทศ อยากให้ทุกคนมีความภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของ ท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกันพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยกระดับ ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือชั้นนำอันดับหนึ่งของเอเชีย และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เพื่อรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตจากการขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและของโลกรองรับเรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ดังนั้นการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลที่จะพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางเรือและเชื่อมโยงการขนส่งทางน้ำไปสู่ทางราง ทางบก ในลักษณะไร้รอยต่อ (Seamless Transport) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างเป็นรูปธรรม และจะต้องเน้นด้านความปลอดภัยภายในเขตพื้นที่ ท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งหมด
ท่าเรือแหลมฉบัง cr.ภาพ ยูทูป laemchabangportphase
โดยให้ครอบคลุมพื้นที่ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือเอกชน ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการให้บริการจะต้องอยู่ในระดับมาตรฐานสากล พัฒนา ทลฉ. ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาชุมชน ประชาชนรอบท่าให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือเพื่อรองรับ ความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือ สำหรับจอดเรือน้ำลึก และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
รวมทั้งการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ ท่าเรือแหลมฉบัง (Single Rail Transfer Operator, SRTO) ก่อสร้างท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ปรับปรุงสิ่งอานวยความสะดวกเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือ ตลอดจนโครงข่ายและระบบการขนส่งต่อ เนื่องที่จำเป็นในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังที่จะเชื่อมต่อกับภายนอกให้เพียงพอและพร้อมที่จะรองรับการขยาย ตัวของปริมาณเรือและสินค้าประเภทต่าง ๆ
cr.ภาพ eeco.or.th
ปัจจุบัน มีปริมาณการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือประมาณ 7 ล้านตู้ต่อปี และรถยนต์ประมาณ 1 ล้านคันต่อปี จากขีดความสามารถของท่าเรือที่รองรับตู้สินค้าได้สูงสุดที่ประมาณ 11 ล้านตู้ต่อปี และรถยนต์ประมาณ 2 ล้านคันต่อปี
โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 วางเป้าหมายจะเพิ่มความสามารถในการขนส่งตู้สินค้าจาก 7.7 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18.1 ล้านตู้ต่อปี
เพิ่มความสามารถในการขนส่งรถยนต์จาก 2 ล้านคันต่อปี เป็น 3 ล้านคันต่อปี
และเพิ่มสัดส่วนการขนส่งตู้สินค้าผ่านท่าโดยรถไฟทั้งหมดของท่าเรือแหลมฉบังจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 30
โครงการจะสามารถเปิดดำเนินการอย่างช้าภายใน ปี พ.ศ. 2568 มีแผนการก่อสร้างแบ่งออกเป็นการโครงสร้างพื้นฐาน 5 ปี (ปี พ.ศ. 2561 – 2566) และการก่อสร้างท่าเทียบเรือและติดตั้งอุปกรณ์ขนถ่าย 3 ปี (ปี พ.ศ. 2565 – 2568)
โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญที่จะช่วยหนุนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นรูปธรรม เพราะจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางเรือและเชื่อมโยงการขนส่งทางน้ำไปสู่ทางราง ทางบก ในลักษณะไร้รอยต่อ นอกจากนี้จะ. เป็นท่าเรือชั้นนำ ที่ทำให้ไทยสามารถเชื่อมต่อกับส่วนต่างๆของโลกได้ง่ายขึ้นครับ