ควบรวม TOT-CAT ดันไทยก้าวสู่ประเทศดิจิทัล-สินทรัพย์ 3 แสนล.

587

สวัสดีครับกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia มาติดตามข่าว การเตรียมควบรวมระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) และ กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)หรือ CAT โดยล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล ระบุว่า 7 ม.ค.นี้ กดปุ่มควบรวมTOT-CAT ตั้งเป็น บริษัท NT แน่นอน ชี้ประชาชนจะได้ใช้บริการโทรคมนาคม ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ นำไทยก้าวสู่ประเทศดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง พร้อบระบุหลังจากการควบรวมเป็น NT จะเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุดมูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท เรื่องนี้น่าสนใจไปติดกันครับ

 

6 ธันวาคม 2563 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยืนยันว่า การควบรวมระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) และ กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)หรือ CAT ให้เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (National Telecom Public Company Limited:NT) จะดำเนินการตามกำหนดเดิมแน่นอน และตนได้หารือปัญหาต่างๆกับสหภาพแรงงานฯแล้ว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย วันที่ 7 ม.ค. 2564 นี้ NT จะถูกจดทะเบียนอย่างสมบูรณ์

โดยหลังจากการควบรวมเป็น NT จะเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุด มูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.เสาโทรคมนาคมกว่า 25,000 ต้นทั่้วประเทศ 2.เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศเชื่อมต่อไปยังทุกทวีป
3.ถือครองคลื่นความถี่หลักเพื่อให้บริการรวม 6 ย่านมีปริมาณ 600 เมกะเฮิรตซ์ 4.ท่อร้อยสายใต้ดินมีระยะทางรวม 4,600 กิโลเมตร 5.สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง 4 ล้านคอร์กิโลเมตร 6.Data Center 13 แห่งทั่วประเทศ และ 7.ระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เข้าถึงจากทุกประเทศในโลก

ส่วนประชาชนทั่วไปจะได้รับบริการโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีประสิทธิภาพในประเทศเพื่อเข้าถึงโลกดิจิทัลทุกพื้นที่ ที่สำคัญ NT จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาประเทศเพื่อเข้าสู่ Thailand 4.0 เป็นประเทศดิจิทัลอย่างแข็งแกร่งและส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ลูกค้าเอกชนทั้งรายใหญ่ SMEs และ ระดับ Startup ด้วย

นายพุทธิพงษ์กล่าว NT จะกลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติที่มีศักยภาพในการให้บริการโดยเฉพาะเรื่อง 5G และดาวเทียม ทั้งการนำเอาดิจิทัลมาให้บริการภาคการสาธารณสุข การเกษตร และคมนาคม โดย NT จะเป็นผู้รวบรวมบิ๊กดาต้าผ่าน 5G ที่ประมูลได้ ซึ่งจะเริ่มนำมาให้บริการภาคสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

เทคโนโลยีดิจิทัล กำลังเข้ามาสู่วิถีชีวิตของคนไทย ในทุกมิติ โดยเฉพาะยุค new normal ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้เทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนาเต็มรูปแบบเร็วขึ้น ดังนั้นการปรับองค์กรให้สอดคล้องกับวิถี ที่เปลี่ยนไปจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน

ไม่เช่นนั้น จะซ้ำรอยรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่จะกำลังไปต่อไม่ได้ เนื่องมาจาก การไม่ยอมปรับตัว และยังเป็นแหล่งผลประโยชย์ของนักการเมืองด้วย

หากเพื่อนเห็นว่าข่าวนี้มีประโยชน์ รบกวนกดติดตาม กดถูกใจ และกดแชร์ด้วยครับ