เล็งขยายมอเตอร์เวย์ถึงสนามบินอู่ตะเภา-อนาคตเชื่อมต่อกัมพูชา

625

สวัสดีครับพบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia วันนี้มาติดตามการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กันบ้าง ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานในพิธีเปิดทดลองใช้บริการทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง ช่วงพัทยา – มาบตาพุด แล้ว

พร้อมระบุระยะต่อไปจะต่อขยายไปถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา อีกประมาณ 7 กิโลเมตร และในอนาคตมีแผนจะขยายจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา – ปราจีนบุรี ไปเชื่อมต่อกับประเทศกัมพูชา

พร้อมมีแผน บูรณาการการเชื่อมต่อระหว่างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กับ โครงการรถไฟทางคู่ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของอาเซียนอย่างแท้จริง เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

22 พ.ค.63 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดทดลองใช้บริการทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง ช่วงพัทยา – มาบตาพุด ที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอู่ตะเภา จังหวัดระยอง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้กรมทางหลวง ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการเดินทางและคมนาคมขนส่งทางบก ให้เชื่อมโยงกับรูปแบบการขนส่งทั้งทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง เป็นหนึ่งในโครงข่ายสำคัญในการเสริมประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภูมิภาค ขยายโอกาสการค้าและการลงทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

สำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา-มาบตาพุด มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อเส้นทางสายชลบุรี – พัทยา บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน มุ่งไปทางทิศใต้ผ่าน อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปสิ้นสุดที่บริเวณบรรจบทางหลวงหมายเลข 3 เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ระยะทางรวม 32 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม 17,784 ล้านบาท ซึ่งกรมทางหลวงใช้เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางซึ่งเป็นรายได้ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมาใช้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด

และระยะต่อไปจะต่อขยายไปถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา อีกประมาณ 7 กิโลเมตร และในอนาคตมีแผนจะขยายจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา – ปราจีนบุรี ไปเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน (ประเทศกัมพูชา)

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีแผนการศึกษาออกแบบเพื่อบูรณาการการเชื่อมต่อระหว่างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กับ โครงการรถไฟทางคู่ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของอาเซียนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมสู่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ รูปแบบโครงการมีลักษณะเป็นทางหลวงพิเศษ ขนาด 4 ช่องจราจร ที่ควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์ ผู้ใช้ทางสามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเส้นทาง ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากทางแยกต่างระดับมาบประชันถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภากว่า 30 นาที

โดยตลอดแนวเส้นทางโครงการมีด่านชำระค่าผ่านทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ ห้วยใหญ่ เชื่อมสู่บ้านอำเภอ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ด่านฯ เขาชีโอน เชื่อมสู่ทางหลวงหมายเลข 331 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และด่านฯ อู่ตะเภา เชื่อมสู่ถนนสุขุมวิท อำเภอเมือง และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางประกอบด้วยระบบเงินสด (MTC) และแบบอัตโนมัติ (ETC) ซึ่งสามารถพัฒนาสู่รูปแบบการเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นในอนาคต โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง

นอกจากนี้ผู้ใช้ทางยังสามารถจอดพักรถได้ ณ จุดพักรถมาบประชัน และสถานที่บริการทางหลวงบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างและมีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2565

สำหรับการเปิดทดลองให้บริการในครั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ 2 ทาง คือ วิ่งต่อเนื่องจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงชลบุรี – พัทยา ที่บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน หรือเข้าจากทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท ที่ด่านอู่ตะเภา โดยไม่มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางเพิ่ม และเมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงเดือนกันยายน 2563 จึงจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในอัตราใหม่ตลอดเส้นทางจากกรุงเทพฯ ถึง ด่านอู่ตะเภา รถยนต์ 4 ล้อ 25 – 130 บาท รถยนต์ 6 ล้อ 45 – 210 บาท และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป 60 – 305 บาท ตามลำดับ

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง ถือเป็นทางเลือกในการเดินทางที่สำคัญ ช่วยสนับสนุนการขยายโอกาสการค้าและการลงทุน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต

ทั้งนี้ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา – มาบตาพุด ด่านฯ อู่ตะเภา เปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง เพื่อทดสอบระบบและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน คาดว่าจะมีรถมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 36,000 คันต่อวัน

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เป็นโครงข่ายสำคัญในการเสริมประสิทธิภาพการขนส่ง และโลจิสติกส์ พร้อมช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต หากเป็นไปตามแผนเชื่อว่า ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ และมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงในอาเซียนและเอเชีย ครับ