รถไฟไทย-จีน ลงนามตุลาคม 63 -ศักดิ์สยาม ลั่นทวงคืนเสือตัวที่ 5

511

 

สวัสดีครับพบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia วันนี้มาติดตามโครงการรถไฟไทย-จีน กันอีกครั้งนะครับ ที่ล่าสุด กระทรวงคมนาคม ตั้งจะคณะผู้แทนไทย 18 คน เตรียมประชุมกับทางรัฐบาลจีน 25 พฤษภาคม 2563 นี้ และคาดว่าพร้อมลงนาคมในสัญญา 2.3 กับจีน ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 นี้ โดย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ คาดประเทศไทยจะสามารถที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ พร้อมลั่นในอดีตเคยถูกขนานนามว่าเป็นเสือตัวที่ 5 ของทวีปเอเชียขณะนี้เรากำลังจะกลับมาให้ได้ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

เมื่อ 15 พ.ค.63 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ว่า อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ได้ประสานงานกับทางประเทศจีน เพื่อที่จะขอจัดการประชุมระหว่างคณะกรรมการนะความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ในลักษณะที่เขาเรียกว่าการประชุมในระบบ Video Conference ซึ่งทางรัฐบาลจีนก็ตอบตกลงแล้ว โดยจะมีการประชุมกันในวันที่ 25 พฤษภาคม 2563

โดยมีสาระสำคัญ เกี่ยวกับการตกลงในเรื่องของสกุลเงินในการที่จะชำระค่าก่อสร้าง ตาม สัญญา 2.3 (งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและฝึกอบรมบุคลากร) โดยมีมูลค่าประมาณ 50,633.500 ล้านบาท

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า กรมการขนส่งทางราง ได้วางไทม์ไลน์ในการที่จะลงนามในสัญญาที่ 2.3 โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ นครราชสีมานะครับ โดยจะดำเนินการเริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 ก็คือจะมีการจัดประชุมคณะกรรมการรถไฟไทย-จีน ในวันที่ 25 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ แล้วในเดือนมิถุนายน ก็จะรายงานผลการประชุมให้คณะท่านนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบ

หลังจากนั้นประมาณช่วงกลางเดือนมิถุนายน ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย จะเสนอร่างสัญญามาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อให้ความเห็นชอบในการที่จะเสนออัยการสูงสุดพิจารณาต่อไป ขั้นตอนตรงนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมและทีมกฎหมายทั้งหมด ให้ดูร่างสัญญาทั้งหมดไม่ให้ประเทสไทยเสียเปรียบ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่จะไปเอาเปรียบทางประเทศจีน เพราะว่าการที่ดำเนินการอะไรก็ตามที่เป็นความร่วมมือในระหว่างรัฐบาล เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จะดำเนินการความร่วมมือในอนาคตต่อไป

เพราะฉะนั้นการเดินไปด้วยกัน ภายใต้หลักพื้นฐานที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นหลักที่ตนเองจะใช้ยึดในการที่จะดำเนินการในการที่จะพิจารณาร่างสัญญาในการในเรื่องของการลงนามในโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา

หลังจากนั้น ในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ก็จะเป็นช่วงเวลาที่อัยการสูงสุดจะพิจารณาตรวจร่างสัญญาว่าถูกต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมายไทยหรือไม่ แล้วก็จะต้องดูในเรื่องกรอบกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการดังกล่าว ถัดมาเดือนสิงหาคมหลังจากอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างสัญญาแล้วเสร็จ ทางกระทรวงคมนาคมจะเสนอร่างสัญญานี้ต่อคณะรัฐมนตรี

เพื่อพิจารณาให้ความเห็นกรอบวงเงินตามสัญญา 2.3 และเงื่อนไขต่างๆ เพื่อที่จะขออนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยลงนามในสัญญากับทางจีน ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน เมื่อ ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วก็เป็นกระบวนการในเรื่องธุรการ ในการประสานงานกับทางรัฐบาลจีนเพื่อกำหนดวันลงนามสัญญา ซึ่งคาดว่าจะลงนามในสัญญาในช่วงเดือนตุลาคม 2563

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวด้วยว่า ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม พยายามเร่งรัดสิ่งต่างๆ เพื่อที่ทำให้เกิดโครงการที่จะสามารถสร้างความเจริญการพัฒนา โดยเฉพาะโครงการนี้จะเป็นการเชื่อมมาตั้งแต่จังหวัดหนองคาย มาที่จังหวัดนครราชสีมา ผ่านจังหวัดขอนแก่น แล้วก็มาที่จังหวัดสระบุรี แล้วค่อยเข้ามาที่กรุงเทพฯ

จะเป็นเส้นทางที่เหมือนกับเป็นสายเลือดใหญ่ ซึ่งควบคู่ไปกับระบบรถไฟรางคู่ด้วย จะทำให้การขนส่งในระบบราง ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการขนส่งทางบก จะสามารถทำให้ต้นทุนต่างๆในการที่จะขน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้โดยสาร หรือเป็นสินค้าจะมีราคาที่ต่ำลง

สำหรับเรื่องของการที่จะจัดการประชุมเราจะมีการตั้งคณะผู้แทนไทยในการร่วมประชุมทั้งสิ้น 18 ท่าน ซึ่งก็จะเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะทำให้การประชุมครั้งนี้เป็นไปด้วยความรอบคอบถูกต้องตามกฎหมายโดยที่มีตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเป็นหัวหน้าคณะในการประชุมกับทางตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลจีน

พร้อมระบุว่า กระทรวงคมนาคม พยายามเร่งรัดงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ แล้วก็ทางราง ซึ่งครบ 4 มิตินี้ คิดว่าประเทศไทยจะสามารถที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของการเดินทางในระบบโลจิสติกส์ ทางด้านการโดยสารและทางด้านการขนส่งสินค้า

แล้วเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยและฟื้นขึ้น ซึ่งเคยเรียนหลายครั้งแล้วว่า ประเทศไทยในอดีตเคยถูกขนานนามว่าเป็นเสือตัวที่ 5 ของทวีปเอเชีย ขณะนี้เรากำลังจะกลับมาให้ได้ แต่ทั้งหมด สำเร็จไม่ได้ถ้าขาดความเข้าใจและความร่วมมือของพี่น้องประชาชน

 

โครงการรถไฟความเร็วไทย-จีน นับเป็นอีกโครงการสำคัญในการพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวจากแหล่งข่าวการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. เงินลงทุน 179,413 ล้านบาท จะขยับไปจากเดิมจะเปิดในปี 2566 เป็นปี 2568 เนื่องจากความล่าช้าในการประมูล

แต่ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ขอให้สามารถเริ่มได้เท่านั้นก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนหรือประชาชนได้ และจะได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้คึกคักขึ้นได้แล้ว โดยเฉพาะตามแนวเส้นทางที่โครงการนี้พาดผ่าน ครับ