สวัสดีครับพบกันอีกเช่นเคยกัยช่อง 1one.asia กับข่าวสารของอาเชียนและในทวีปเอเชีย ในตอนนี้ต้องบอกว่าประเทศไทย เร่งก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบรางอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ ซึ่งคาดว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้าไทย จะก้าวขึ้นสู่ประเทศที่มี ระบบรางมากสุดอันดับต้นของโลก
ซึ่งแน่อนว่า เมื่อแนวโน้มการพัฒนาเป็นแบบนี้ การผลิตรถไฟฟ้า หรือ รถไฟความเร็วสูงใช้เองจึงเป็นเรื่องที่เป็นได้สูง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เงินทองก์ไม่ไหลออกนอก แถมยังจะขายไปยังประเทศอื่นๆ ได้อีก อันจจะช่วยสร้างงานให้คนไทย และดึงเงินเข้าประเทศได้อีกด้วย
โดยล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมกับผู้เกี่ยวข้องในเรื่อง แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ให้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐทั้งหมด จะต้องพิจารณาจากผู้ผลิตในประเทศที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนตามโครงการส่งเสริมการผลิตรถไฟ หรือรถไฟฟ้า หรืออุปกรณ์หรือชิ้นส่วน จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เท่านั้น โดยเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีฟภายในรัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความเห็นชอบเพื่อให้หน่วยงานรัฐทั้งหมดนำไปปฎิบัติ
โดยมีแนวทางการดำเนินงาน กำหนดเวลา และเงื่อนไขการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางฯ ดังนี้
1.ภายในปี 2563 การจัดซื้อจัดจ้างระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐทั้งหมด จะกำหนดให้มีการซื้อตู้รถไฟและรถไฟฟ้าจากผู้ผลิตในประเทศ หรือบริษัทที่มีแผนจะลงทุนผลิตในประเทศเท่านั้น
2.ภายในปี 2565 การจัดซื้อจัดจ้างระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐทั้งหมด จะกำหนดให้มีการส่งมอบตู้รถไฟและรถไฟฟ้าที่มีการประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศ
3.ภายในปี 2567 การจัดซื้อจัดจ้างระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐทั้งหมด จะกำหนดให้ต้องส่งมอบตู้รถไฟและรถไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศทั้งหมด โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของราคารถไฟและรถไฟฟ้า
4.ภายในปี 2568 การจัดซื้อจัดจ้างระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐทั้งหมด จะกำหนดให้ต้องส่งมอบตู้รถไฟและรถไฟฟ้า รวมทั้งระบบอาณัติสัญญาณที่ผลิตในประเทศทั้งหมด และต้องมีการผลิตชิ้นส่วนหลักที่เป็นสาระสำคัญ ได้แก่ ระบบตัวรถ ระบบช่วงล่างของโครงสร้างตัวรถ และระบบขับและควบคุม
มีรายงานเพิ่มเติมว่า อีก 20 ปี ข้างหน้าจะมีความต้องการจำนวนตู้รถไฟและรถไฟฟ้ามากกว่า 1,000 ตู้ หากอนาคตไทยสามารถผลิตได้เอง จะทำให้เกิดการลงทุนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี โดยประเมินว่าจะช่วยประหยัดการนำเข้ารถได้ปีละ 1.8 หมื่นล้านบาท /1,000 ตู้ และลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุงได้ 4,300 ล้านบาท/ปี ทั้งนี้คาดว่าโรงงานผลิตรถไฟ-รถไฟฟ้าแห่งแรก จะลุยได้ในปี 2565
นี่เป็นข่าวยินดีสำหรับระบบการขนส่งของไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ระบบขนส่งทางรางที่ราคาถูกลงแล้ว ก็จะช่วยในการยกระดับเศรษฐกิจ ช่วยสร้างงานให้ประเทศเป็นอย่างดี โดย นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่า พื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการจัดตั้งโรงงานรถไฟฟ้านั้น มองว่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความเหมาะสม เช่น จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น ข่าวนี้เป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าในทางปฏิบัติจะเป็นได้ไปได้มากน้อยแค่ไหน ต้องลุ้นกันครับ
