คนจีนแห่ซื้อเรียบ!! คอนโดกลางกรุงเทพฯ

501

ประเทศไทย กลายเป็นจุดหมายทางที่สำคัญของชาวจีน ทั้งการท่องเที่ยว การศึกษา การทำธุรกิจ และพักอาศัย โดยเมื่อไม่นานมานี้เวบไซต์ jll.co.th ของบริษัทที่ปรึกษาและบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ระบุว่า แม้รัฐบาลจีนจะยังคงใช้มาตรการคุมเข้มให้ประชาชนของตนนำเงินออกนอกประเทศได้ไม่เกินคนละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.6 ล้านบาทต่อปี

 

แต่บริษัท เจแอลแอล พบว่า ครึ่งแรกของปีนี้ ชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ได้ขยับขึ้นมาเป็นผู้ซื้อ ที่เป็นชาวต่างชาติ มีสัดส่วนการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มากที่สุด โดยประเมินว่าราว 50% ของชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เป็นผู้ซื้อชาวจีน โดย ผู้ซื้อชาวจีนจำนวนมาก เป็นผู้ที่เข้ามาทำงานกับบริษัทจีนที่เปิดดำเนินธุรกิจในกรุงเทพฯ สอดคล้องกับรายงานการวิจัยของเจแอลแอล ที่เผยแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่บริษัทใหญ่ของจีนเข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจมากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก และเช่าใช้พื้นที่สำนักงานมากที่สุดเป็นอันดับ 3

 

คุณนนท์รภัส พรสินคุณานนท์ หัวหน้าฝ่ายบริการธุรกิจที่พักอาศัย เจแอลแอล กล่าวว่า “คอนโดที่ชาวจีนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ นิยมซื้อ เป็นห้องชุดสตูดิโอและห้องชุดขนาดหนึ่งห้องนอน ในทำเลย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9 มีราคาอยู่ในช่วงราคาระหว่าง 1.5 ล้านถึง 3 ล้านบาท โดยทั่วไปผู้ซื้อชาวจีนกลุ่มนี้มักไม่มีปัญหากับมาตรการควบคุมการนำเงินออกจากจีน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาไม่สูงเกินเพดานที่กำหนด นอกจากนี้ ยังมีธนาคารต่างชาติและสถาบันการเงินของไทยบางแห่งที่มีนโยบายปล่อยกู้ให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อคอนโดในไทย

 

โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ประกอบการพิจารณา อาทิ อายุของใบอนุญาตทำงานสำหรับบุคคลต่างด้าว และอายุสัญญาการว่าจ้างงานในประเทศไทย เป็นต้น นอกจากการซื้อเพื่ออยู่เองแล้ว มีชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่จำนวนมากที่ซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการลงทุน เจแอลแอลยังพบด้วยว่า มีชาวจีนจำนวนมากขึ้นที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อใช้เป็นที่พักในช่วงที่เข้ามาท่องเที่ยว

 

 

นี่คือ ตัวเลขของชาวจีนที่เข้ามาซื้อคอนโดมีเนียมกลางกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในสัดส่วนที่น่าตกใจ หากมองในมุมของการลงทุน หรือ เศรษฐกิจก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ไม่ควรมองข้ามในประเด็นสังคม ซึ่งหน่วยที่เกี่ยวข้อง ควรหามาตรการรองรับปัญหานี้ด้วย