เหตุผลที่แท้จริง!!! เสือเฒ่ามหาเธร์ อัด”นาจิบ” หัวทิ่ม-ชี้อนาคต “มาเลเซีย”ส่อวุ่น??

443

 

 

ต้องบอกว่า สุดฮือฮา!!! สำหรับการเลือกตั้งของมาเลเซีย เมื่อ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา  เมื่อกลุ่มพันธมิตรแห่งความหวัง หรือ ปากาตัน ฮาราปัน (พีเอช) ที่นำโดย “มหาเธร์ โมฮัมหมัด” คว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในศึกเลือกตั้งมาเลเซีย เหนือนายนาจิบ ราซัค และเป็นสิ้นสุดของ การปกครองของกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ หรือ บาริซาน เนชั่นแนล (บีเอ็น) ที่นำโดยพรรคพรรคอัมโน เป็นเวลากว่า 60 ปี   นับตั้งแต่มาเลเซียแยกตัวเป็นเอกราชจากอังกฤษ

และ “มหาเธร์”จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากสุดในโลก คือ 92 ปี

 

Cr.Dr. Mahathir bin Mohamad

 

โดยสามารถคว้าเก้าอี้ได้รวมทั้งสิ้น 115 ที่นั่ง  จาก 222 ที่นั่ง  ซึ่งมากพอสำหรับจัดตั้งรัฐบาลคืออยู่ที่ 112 เสียง

อะไร ที่ทำให้”นาจิบ ราซัก”นายกรัฐมนตรีวัย 61 ปี “ต้องเพลี่ยงพล้ำแก่เสือเฒ่า”มหาเธร์” ที่ดูเหมือนจะหมดน้ำยาไปแล้วกลับมาผงาดขึ้นเป็นผู้นำได้อีก

พูดถึง”นาจิบ ราซัค ” ถือว่า เป็นนายกรัฐมนตรีรุ่นใหม่ไฟแรง ที่สร้างเศรษฐกิจของมาเลย์ให้ร้อนแรง  ด้วยการเพิ่มมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้น  และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน จนทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียโตถึง 5%

 

นอกจากนี้ รัฐบาล  มีชาวมาเลย์พื้นเมือง ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นฐานเสียงที่เข้มแข็ง ด้วยนโยบาย “ภูมิปุตรา” ที่เอื้อกลุ่มเชื้อชาติมาเลย์หลายอย่าง เช่น  ซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาถูก  หรือ ได้โควตาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย

รวมทั้ง “นาจิบ” ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การออกกฎหมายแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ก่อนยุบสภา ก็ทำให้เกิดความได้เปรียบอย่างมาก ก่อนหน้านี้ มีการวิเคราะห์กันว่า เป็นเรื่องยากที่จะโค่นล้มเขาลงได้ง่ายๆ

แต่สาเหตุหลักๆที่ทำให้ “นาจิบ” ต้องร่วงคราวนี้ เพราะอะไรนั้น

 

ประเด็นแรกที่มีการวิเคราะห์กันโดยทัวไปคือ ข่าวการยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกไปจากกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) แม้อัยการสูงสุดได้ ประกาศเคลียร์ข้อกล่าวหาให้แล้วก็ตาม แต่คนมาเลเซียก็ยังไม่หายข้องใจ

2.แม้ว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียจะดูสดใส  แต่จริงๆแล้ว เป็นเพียงภาพลวงตา เพราะในความเป็นจริง ไม่ได้เป็นอย่างนั้น มาตรการลดการอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง  หรือ การประกาศเก็บภาษีสินค้าและบริการ (จีทีเอส)   6 เปอร์เซ็นต์  ทำให้ค่าครองชีพของชาวมาเลเซียสูงขึ้น  ประชาชนต่างใช้วิตอยู่ด้วยความลำบาก

 

3.ความไม่พอของชาวมาเลเซียเชื้อชาติอื่นๆ เช่น จีน อินเดีย ที่นโยบายของแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งนำโดยพรรคอัมโน ให้ความสำคัญกับชาวมาเลเซีย“ภูมิปุตรา”มากเกินไป  ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเกิดการสะสมความรู้สึกมาช้านาน เมื่อได้โอกาสจึงยืมมือ “มหาเธร์”โค่นล้มพรรคอัมโน

 

 

ในขณะที่ “มหาเธร์ “ได้อาศัยกลุ่มคนเชื้อชาติดังกล่าว  บวกกับการได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มพันธมิตรแห่งความหวัง  โดยเฉพาะจากจากพรรค “ปาร์ตี เคดิลัน รักยัต (พีเคอาร์)”ของ อันวาร์อิบราฮิม และ พรรคบาริซาน ซาบาห์  จึงทำให้ได้รับเสียงอย่างท่วมท้น

อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้เมื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่รวมตัวกันขึ้นจากพรรคหลากหลายแนวอุดมการณ์ยังมีความไม่ลงรอยกันนัก รวมถึงปัญหาการทุจริต คอรัปชั่นฉาวของ 1MDB ของ”นาจิบ ราซัก”จะจัดการปัญหานี้อย่างไร  เพื่อให้ประชาชนหายข้องใจ เพราะหากจัดการรุนแรงไปอาจจะทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากแนวร่วม BN   และเศรษฐกิจของมาเลเซียที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำและราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นอีกสินค้าส่งออกของมาเลเซีย ในตลาดโลกราคาตกต่ำลง  เป็นปัญหาหนักอึ้งที่สุมรอแก้ไขอยู่

 

ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าด้วยวัย 92 ปี “มหาเธร์”จะรับปัญหานี้ไหวหรือไม่?

แม้จะมีข่าวว่า “มหาเธร์ “อาจจะนั่งนายกรัฐมนตรีราว 2 ปี หลังจากนั้น จะให้ “อันวาร์ อิบราฮิม”นั่งต่อ แต่มีปัญหาว่าศักยภาพและภาพพจน์ที่ผ่านมาของ”อันวาร์อิบราฮิม”จะนำพาประเทศมาเลเซียไปได้หรือไม่ แค่ไหน ซึ่งสถานการณ์ “การเมืองมาเลเซีย” ต่อจากนี้ จะต้องมองกันอย่างไม่กระพริบตา!!!