ไปติดตามความคืบหน้าการตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางผลิตยายนต์ของไทย ล่าสุดประเทศไทย เดินหน้าเร่งสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและได้มาตรฐานโลกแห่งแรกในอาเซียน ในพื้นที่ EEC จังหวัดฉะเชิงเทรา มุ่งสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์สำคัญของโลก คาดบริการเต็มรูปแบบปี 2569 เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
6 ต.ค.65 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center – ATTRIC) มีความคืบหน้าแล้วกว่าครึ่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบปี 2569 จากที่เมื่อปี 2559 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว
ศูนย์ ATTRIC ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) โดยรัฐบาลมุ่งให้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย รวมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่การเป็น Super Cluster อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
และว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ไทย และ เขต EEC เป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก ตามแผนที่รัฐบาลได้วางไว้ นอกจากจะช่วยสร้างงาน เป็นโอกาสพัฒนาต่อยอดการเรียนรู้เปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีแล้ว ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม สร้างผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในตลาดสากล ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย”
โครงการนี้ อยู่บนพื้นที่ 1,235 ไร่ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา มูลค่า 3,705.7 ล้านบาท
ครับศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เป็นก้าวย่างสำคัญในการตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของไทยในภูมิภาคนี้ และนี่จะเป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากเงื่อนไขการลงทุนอื่นๆ ที่จะทำให้บริษัทผลิตยานยนต์ที่อยู่ในไทยแล้ว ยังไม่คิดที่จะไปอยู่ที่อื่น หรือ บริษัทที่คิดจะเข้ามาลงทุนในอาเซียน จะตัดสินใจเลือกประเทศไทยได้ง่ายขึ้น และจะทำให้ผู้ซื้อรถมีความมั่นใจเต็มร้อยหากซื้อรถที่ผลิตในประเทศไทย
จากก่อนหน้านี้ประเทศไทยมี ศูนย์ทดสอบมาตรฐานระบบขนส่งทางราง (ศทร.) ซึ่งทั้งหมดนี้ จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยาพาหนะทั้งระบบรางและระบบถนน และจะมีมีความก้าวหน้าทาง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยผลิตและส่งออกสินค้า ซึ่งนั้นจะทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างความได้เปรียบการแข่งขันในภูมิภาคนี้ และคาดว่าจะมีส่วนช่วยยกระดับ GDP ของไทยในสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยไม่ต้องง้อบริษัทต่างชาติที่ตีจากไทย เพราะต้องการแรงงานแบบเข้มข้นครับ
