ไปที่ฟิลิปปินส์ กันบ้าง ล่าสุด ลูกชายวัย 64 ปี ของ นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการของฟิลิปปินส์ กำลังได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ หลังจาก 36 ปี ที่พ่อของเขา ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่ง ชัยชนะครั้งนี้ สืบเนื่องจากการรณรงค์ทางโซเชียลมีเดียเพื่อรีแบรนด์ยุคเก่าของมาร์กอส ว่า เป็นยุคทองของความมั่งคั่งที่ปราศจากอาชญากรรม เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
10 พ.ค.65 สำนักข่าว bbc รายงานว่า นาย เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือบงบง ลูกชายวัย 64 ปี ของนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการของฟิลิปปินส์ กำลังมุ่งหน้าสู่ชัยชนะอย่างถล่มทลายในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ ตามผลการนับคะแนนเบื้องต้น
จนถึงตอนนี้ เขา ได้รับคะแนนเสียงถึง 56% เทียบกับ 28% สำหรับคู่แข่งอย่าง เลนี โรเบรโด ( Leni Robredo)
ชัยชนะของลูกชายนายมาร์กอส จะทำให้ครอบครัวของเขากลับมามีอำนาจอีกครั้ง 36 ปีหลังจากที่พวกเขาถูกขับไล่ออกจากการปฏิวัติโดยประชาชน
นักวิจารณ์กล่าวว่าสิ่งนี้เป็นผลจากการที่นายมาร์กอส จูเนียร์ วาดภาพการปกครองของบิดาของเขาว่าเป็น “ยุคทอง” ของฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง
รายงานข่าว บอกอีกว่า บิดาของเขา คือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2508 บังคับใช้กฎอัยการศึกในปี 2515 และเป็นประธานาธิบดี ในระบอบการปกครองที่โหดร้าย ซึ่งผู้คัดค้านและนักวิจารณ์หลายพันคนถูกจำคุกและสังหาร
อดีตประธานาธิบดี มาร์กอส ซึ่งเสียชีวิตในปี 2532 และอิเมลดา ภรรยาของเขาถูกกล่าวหาทุจริตเงินประมาณ 10 พันล้านดอลลาร์ (8.1 พันล้านปอนด์) จากกองทุนของฟิลิปปินส์
โดยมาร์กอส จูเนียร์ หรือบงบง มีการรณรงค์ทางโซเชียลมีเดียเพื่อรีแบรนด์ยุคเก่าของมาร์กอส ที่ชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่ช่วงเวลาของกฎอัยการศึกที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง การทุจริตและเศรษฐกิจการที่ใกล้ ล่มสลาย แต่เป็นยุคทองของความมั่งคั่งที่ปราศจากอาชญากรรม
บงบง มาร์กอส ประสบความสำเร็จในการวาดภาพตัวเอง ในฐานะผู้สมัครยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความสุขและความสามัคคีแก่ประเทศที่น่าเบื่อหน่ายกับการแบ่งขั้วทางการเมืองเป็นเวลาหลายปี ความยากลำบากจากโรคระบาด และความหิวโหย
ครับ ระบอบมาร์กอส ในอดีต ซึ่งเป็นกรณีศึกษาอย่างกว้างขวาง ในฐานะผู้ปกครองที่เป็นผู้นำเผด็จการ จนถูกประชาชนขับไล่ แต่มาร์กอส ผู้ลูกสามารถรีแบรนด์ขึ้นมาอีกครั้ง และขายฝันว่าจะเป็นยุคทองของความมั่งคั่งที่ปราศจากอาชญากรรม ซึ่งฟิลิปปินส์ ก็อาจจะกลับไปสู่วังวนเดิม แต่จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ