ไปติดตามสถานการณ์การชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดตาก กันต่อ ล่าสุด ยังคงปะทะเดือด ระหว่างทหารเมียนมา กับ กะเหรี่ยง (KNU)ทำให้กระสุนถูกยิงตกฝั่งไทย 7 นัด ด้านทหารไทยยิงเตือนด้วยกระสุนควัน 5 นัด พร้อมขู่พร้อมตอบโต้ หากมีกระสุนตกฝั่งไทย เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
19 ธันวาคม 2564 ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย – เมียนมา จังหวัดตาก ได้รายงานสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ จังหวัดตาก โดยระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ได้เกิดการปะทะระหว่าง ทหารเมียนมา กับ กองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง (KNU) บริเวณบ้านแม่ทอดตะเล ทางทิศใต้ของ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยงห่างจากแนวชายแดนลึกเข้าไปในประเทศเมียนมา ประมาณ 500 เมตร ซึ่งจากการปะทะกันดังกล่าวส่งผลให้มีกระสุนไม่ทราบชนิด/ไม่ทราบฝ่าย จำนวน 7 นัด ตกลงบริเวณริมแม่น้ำเมยของฝั่งไทยแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย ในพื้นที่ และในเวลา 18.00 น. การปะทะได้ยุติลง
พร้อมระบุว่า จากสถานการณ์การปะทะกันและมีกระสุนไม่ทราบชนิด/ไม่ทราบฝ่าย จำนวน 7 นัด ตกลงบริเวณ ริมลำน้ำเมยของฝั่งไทย กองกำลังนเรศวร ได้สั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ทำการยิงเตือนด้วยกระสุนควัน จำนวน 5 นัด ตามห้วงเวลาที่กระสุนไม่ทราบชนิด/ไม่ทราบฝ่าย ข้ามมาตกยังฝั่งไทยเพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้กำลังทั้งสองฝ่าย ทราบ พร้อมทั้งได้ทำการประท้วงไปยัง รัฐบาลเมียนมา ผ่านช่องทาง คณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น ไทย – เมียนมา (TBC) เพื่อให้ฝ่ายเมียนมาระมัดระวังเรื่องของการใช้อาวุธ โดยทางฝั่งไทยพร้อมตอบโต้ หากมีกระสุนตกฝั่งไทย
ด้านสำนักข่าว the bangkoktimes รายงานว่า การปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังทหารกะเหรี่ยง KNU เสียงปืนได้ยินมาถึงฝั่งไทย ส่วนผู้หนีภัยการสู้รบ ก่อนหน้านี้ สมัครใจเดินทางกลับไปเมียนมากว่า 600 คน แต่เมื่อมีเสียงปืนการสู้รบปะทุอย่างหนักหน่วงอีกครั้งหนึ่ง ทำให้มีผู้อพยพ หนีภัยสงครามกลับเข้ามาฝั่งไทย เพิ่มมากขึ้นอีก
ครับ กลายเป็นปัญหาที่ไทยแก้ไม่ตก สำหรับความขัดแย้งในเมียนมา ที่นอกจากต้องรับผู้อพยพที่ทะลักเข้ามาแล้ว ต้องมารับรองกระสุน จนอาจกลายเป็นอันตรายต่อชีวิตคนไทยอีก
สิ่งที่เจ้าหน้าที่ของไทยทำได้ตอนนี้ และทำมาตลอดคือ ยิงกระสุนควันเตือน และขู่ตอบโต้ หลังจากนั้นก็เงียบหายไป และกลับมาก่อเหตุซ้ำๆอีก อย่างที่ผ่านๆมาครับ