ฮุนเซน เย้ยเดือด! สั่งหน่วยทหารทำลายทิ้งอาวุธสหรัฐฯ

363

ไปที่กัมพูชากันบ้าง ล่าสุด นายกฯฮุนเซน ของกัมพูชา ได้ออกมาตอบโต้ หลังสหรัฐฯ ห้ามซื้อขายอาวุธให้กัมพูชา โดยนายกฯ กัมพูชา เย้ย ผู้ที่เคยใช้ระบบอาวุธของอเมริกาจำนวนมากแพ้สงคราม พร้อมสั่งหน่วยทหารตรวจสอบว่ามีอาวุธของสหรัฐฯหรือไม่ หากพบให้นำไปทำลายทิ้ง เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

กรณีสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการห้ามซื้อขายอาวุธกับกัมพูชา เพราะหวั่นอิทธิพลทางทหารของจีนที่เพิ่มขึ้นในกัมพูชา ตลอดจนปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และสิทธิมนุษยชน นั้น

ล่าสุด เมื่อ 10 ธ.ค.64 สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้ออกมาตอบโต้เรื่องนี้ว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ตัดสินใจที่จะจำกัดการขายอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารให้กับกัมพูชา

ตนขอถือโอกาสนี้ขอบคุณสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจห้ามขายอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารแก่กัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงความชอบธรรมของการตัดสินใจของตน ในปี 2537 (1994) เมื่อตนตัดสินใจโดยไม่เปลี่ยนแปลงระบบอาวุธของกัมพูชาในขณะนั้นไปซื้อระบบอาวุธของสหรัฐ

 

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

พร้อมกันนี้ ขอออกคำสั่งให้หน่วยติดอาวุธทุกหน่วยตรวจสอบอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารที่กัมพูชามีในปัจจุบันทันที และให้รวบรวมอาวุธและยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ทั้งหมด ถ้ามี ให้เก็บหรือนำไปทำลายทิ้ง ตามความเป็นจริง

พร้อมระบุว่า ตามบันทึกของตน ผู้ที่เคยใช้ระบบอาวุธของอเมริกาจำนวนมากแพ้สงคราม เช่น ในสมัยสาธารณรัฐเขมรของลอนนอล ซึ่งตอนนั้นใช้ระบบอาวุธของอเมริกาและนำเข้าอาวุธจำนวนมากมายังกัมพูชา ทำให้กัมพูชาติดหนี้ก้อนโตจนถึงทุกวันนี้

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้ใช้อาวุธของสหรัฐฯ ยังแพ้สงครามในอัฟกานิสถานอีกด้วย ตนเชื่อในความกล้าหาญ จิตวิญญาณการต่อสู้ และจิตวิญญาณของนักสู้ในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา มากกว่าการใช้อาวุธเพียงอย่างเดียว

นายกฯฮุน เซน บอกด้วยว่า ขอขอบคุณสหรัฐอเมริกาอีกครั้งที่ช่วยยืนยันว่าการตัดสินใจ ไม่ตกลงที่จะซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ว่าถูกต้องตามนโยบายการป้องกันประเทศของกัมพูชาและเป็นข้อความคำเตือนถึงผู้ปกครองกัมพูชา ให้รัฐบาลต่อไปรู้ว่า หากต้องการความเป็นอิสระในการป้องกันประเทศ โปรดอย่าใช้อาวุธของสหรัฐ

ครับท่าทีของนายกฯฮุน เซน ดูแล้วถูกใจบรรดาคนที่ต่อต้านสหรัฐ แต่ท่าทีที่ออกมา ทั้งต่อสถานการณ์ในเมียนมา ก่อนหน้านี้ และล่าสุด ความขัดแย้งกับสหรัฐฯ จึงน่าจับตาว่า จะนำพาอาเซียนไปตกที่นั่งลำบากหรือไม่

และประการสำคัญ ท่าทีแบบนี้ น่าหวั่นว่า กำลังลากมหาอำนาจของโลก เข้ามาห้ำหั่นกันในพื้นที่แถบนี้

ก็ได้แต่หวังว่าภูมิภาคอาเซียน ซึ่งกำลังไปได้ดี คงไม่ฟื้นภาพหลอนสงครามอินโดจีนในอดีต ให้ปะทุขึ้นมาอีกนะครับ