ไปติดตาม การปรับปรุงทางเท้า พร้อมจัดระเบียบสาธารณูปโภคและสายสื่อสาร ของกทม. กันบ้าง ล่าสุด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจความคืบหน้างานปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนพระรามที่ 1 ช่วงจากแยกปทุมวันถึงแยกราชประสงค์ หวังเป็นพื้นที่ต้นแบบปรับปรุงทางเท้า คาดแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2565 เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
23 พ.ย.64 พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจความคืบหน้างานปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนพระรามที่ 1 ช่วงจากแยกปทุมวันถึงแยกราชประสงค์
โดยพลตำรวจเอก อัศวิน กล่าวว่า ทางเท้าถนนพระรามที่ 1 เป็นอีกที่หนึ่ง ที่ได้แก้ไขปัญหา จัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่ แผงลอย ไม่ให้มีการขายของบนทางเท้า และซ่อมแซมกระเบื้อง นำกระถางต้นไม้ออก เพื่อให้คนสามารถเดินได้ดีมากขึ้น และยังได้พยายามปรับปรุงทางเท้าจากปัญหาการขุดเจาะและมีสิ่งกีดขวางทางเท้าอยู่เต็มไปหมด และไม่ได้ปรับปรุงทางเท้าบริเวณนี้มานานกว่า 10 ปี
ซึ่งทางเท้าเส้นนี้เป็นเส้นที่คนใช้สัญจรจำนวนมาก จึงเหมาะกับการฟื้นฟูเมือง เพื่อให้คนได้มีทางเท้าที่เดินสะดวกมากขึ้น กทม.จึงได้เริ่มปรับปรุงทางเท้าถนนพระรามที่ 1 ร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง 1 ใน 5 โครงการฟื้นเมือง เชื่อมย่าน สานอนาคต เพื่อให้เป็นทางเท้าที่ทุกคนใช้งานได้สะดวก เหมาะสมกับวิถีคนเมืองมากที่สุด ออกแบบให้ใช้วัสดุเรียบง่าย คงทน แข็งแรง ที่ง่ายต่อการบำรุงรักษา โดยรวมระบบสาธารณูปโภคไว้ในแนวเดียวกัน ให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุงไม่ทำให้ทางเท้าชำรุดเสียหาย มีแนวพื้นที่สีเขียวปลูกต้นไม้เพื่อรับน้ำให้อยู่ในแนวเดียวกับสาธารณูปโภค เพิ่มขยายทางเท้าให้กว้างขึ้น ให้ทุก ๆ คนเดินได้สะดวก และเสมอภาค ทั้งคนทั่วไปและคนผู้พิการ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยด้วยว่า ความคืบหน้าของการปรับปรุง ตอนนี้ได้นำระบบสาธารณูปโภคทั้งหมดลงดินแล้ว คิดเป็น 5.36% และปรับปรุงจะเสร็จในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งจะเป็นต้นแบบของการพัฒนาทางเท้าใน กทม. ที่เมื่อก่อนนี้เดินไม่ได้ ทำให้เดินได้ และเดินได้ดีมากขึ้นแบบสร้างสรรค์มีมาตรฐานเหมาะกับทุกคนในสังคม (Universal Design) ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมากขึ้นต่อไปในอนาคต
ครับกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่สวยงามอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทุ่มงบประมาณมหาศาลในการสร้างใหม่เหมือนต่างประเทศแต่อย่างใด
ขอเพียงแต่เร่งปรับปรุงทางเท้า จัดระเบียบสาธารณูปโภค สายไฟ และสายสื่อสาร ลงดิน ทำให้มีอารยะ เท่านี้ สร้างควาสุขให้ผู้อยู่อาศัย และ ก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และเม็ดเงินมหาศาล เข้าประเทศ ได้แล้ว ซึ่งไม่เฉพาะ กทม.อย่างเดียว จังหวัดต่างๆ ควรเร่งทำเรื่องนี้ด้วยครับ