“2 กลุ่มทหารหญิง”เปิดตัวใหม่! ลั่นลุยแบบกองโจรกับ”ทห.อองหล่าย”

354

 

ไปที่เมียนมากันต่อ ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า ได้มีกองกำลังของผู้หญิง 2 กลุ่มในเมียนมา ที่ประกาศจับอาวุธ และใช้การรบแบบกองโจร เพื่อต่อสู้กับทหารอองหล่าย ลั่นชัด การใช้ไม้แข็ง เป็นวิธีที่จะต่อสู้กับเผด็จการ และพร้อมเสียสละ เพื่ออนาคตของประเทศ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

เมื่อ 26 ต.ค.64 สำนักข่าว Than Lwin Khet News  รายงานว่า นักรบหญิงแห่งเมืองมยอง (Myaung Women Warriors :MWW) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564

โดยตามประกาศของกลุ่ม MWW ระบุว่า หน่วยรบแบบกองโจรของผู้หญิงประกอบด้วยเพื่อนทหารหญิง และจะดำเนินการดังต่อไปนี้ คือ เราเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมรับการทำรัฐประหาร เช่นเดียวกับผู้ชาย และ จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับเผด็จการ

พร้อมระบุว่า จะมีส่วนทำให้เกิดระบอบประชาธิปไตยใหม่ของรัฐบาลกลางที่แท้จริง และในอนาคตความเท่าเทียมทางเพศ และการไม่เลือกปฏิบัติ และบทบาทของสตรีจะเพิ่มขึ้น

 

การฝึกทหารหญิงกะเหรี่ยงแดง ในรัฐกะยา ตรงข้ามกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทย/photo:သံလွင်ခက် – Than Lwin Khet News

 

สำหรับเมืองมยอง (Myaung Township) เป็นเมืองเล็ก ๆในเขตสกาย ประเทศเมียนมา ตั้งอยู่ในส่วนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมา

ในขณะเดียวกัน สำนักข่าว ตาน ลวีน เคะ นิวส์ รายงานด้วยว่า กองพัน KNDF B-12 ของ กองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง (Karenni Nationalities Defense Force-KNDF) ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในรัฐกะยา ชายแดนฝั่งตะวันออกของพม่า ตรงข้ามกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทย

โดยได้รายงานการฝึกกองกำลังหญิง ของกองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง (KNDF B-12) ในป่ารัฐกะยา เมื่อ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยทหารหญิงกะเหรี่ยงแดง ของกองพัน B-12 เปิดเผยว่า ผู้หญิงเคยอยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้เรากำลังเรียนรู้ศิลปะการทำสงคราม เพราะคิดว่าการใช้ไม้แข็ง เป็นวิธีที่จะต่อสู้กับเผด็จการ

พร้อมยืนยันว่า เรากล้าที่จะเสียสละเยาวชนของเรา เพื่ออนาคตของประเทศของเรา

ครับ ประเทศเมียนมา เข้าสู่สงครามการเมืองเต็มรูปแบบ หลังการประกาศสงครามของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG และอาเซียนเอง ก็ไม่สามารถเข้ามาหยุดยั้งความรุนแรงในเมียนมาได้

ดังจะเห็นได้จากการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่บรูไนในขณะนี้ ที่ มิน ออง หล่าย ผู้รัฐบาลทหารเมียนมา ไม่ให้ความร่วมมือ และแถมออกมาติหนิ ที่ไม่ยอมเชิญตนเองเข้าร่วมด้วย

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เยาวชนเหล่านี้ ไม่มีทางเลือกต้องหันมาจับอาวุธขึ้นมาปกป้องตนเอง และจำเป็นต้องทำลายล้างกันเองภายในชาติ แทนที่จะใช้ศักยภาพของตน เพื่อสร้าง พัฒนาชาติ ให้เจริญขึ้น

และนี่ ยังเป็นอุทาหรณ์ว่า การหลงในอำนาจทำลายทุกอย่างครับ