มาติดตามบทบาทของจีนในเมียนมา ล่าสุดจีนเดินหน้าโครงการ เส้นทางรถไฟสายใหม่ผ่านเมียนมา หวังเชื่อมโยงจีนตะวันตกกับมหาสมุทรอินเดีย และช่วยลดเวลานำเข้าสินค้าไปยังมณฑลยูนนานที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลคาดว่าจะกลายเป็นเส้นเลือดสำคัญของการค้าระหว่างประเทศสำหรับจีนและเมียนมาร์ และเป็นแหล่งรายได้สำหรับของทหารเมียนมาร์ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
สำนักข่าวดิอิรวดี รายงานว่า เส้นทางรถไฟสายใหม่ที่ช่วยให้จีนเข้าถึงมหาสมุทรอินเดียผ่านเมียนมาร์ได้เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ชายแดนฝั่งจีน
เส้นทางรถไฟทอดยาวจากเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวนไปยัง เมือง หลินชาง (Lincang ) ซึ่งเป็นเมืองระดับจังหวัดในมณฑลยูนนานของจีน ตรงข้ามกับชิงส่วยเหอ ( Chin Shwe Haw) เมืองการค้าชายแดนในรัฐฉานทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมาร์
สำหรับเมือง หลินชาง (Lincang) อยู่ติดกับเขตปกครองตนเอง Kokang ทางตอนเหนือของรัฐฉาน และอยู่ห่างจาก Lashio ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของรัฐฉานเพียง 150 กิโลเมตร ครับ
เส้นทางรถไฟจะช่วยให้จีนสามารถขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือสิงคโปร์ผ่านเมียนมาร์ได้ สินค้าจะถูกจัดส่งจากท่าเรือสิงคโปร์ไปยังท่าเรือย่างกุ้ง จากนั้นจะขนส่งไปยัง เมืองชิงส่วยเหอ (Chin Shwe Haw) ในเขตปกครองตนเอง Kokang ทางถนน
และจากนั้นโดยรถไฟจาก หลินชาง (Lincang) ไปยัง เมืองเฉิงตู (Chengdu) ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมาร์ ระบุว่าจะใช้เวลาสามวันในการเดินทางจากหลินชางไปยังเฉิงตูโดยรถไฟ
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางแรกที่เชื่อมโยงจีนตะวันตกกับมหาสมุทรอินเดีย และจะช่วยลดเวลาที่จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าไปยังมณฑลยูนนานที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เส้นทางจะผ่านมัณฑะเลย์ ล่าเสี้ยว (Lashio) และ แสนหวี (Hsenwi )ทางฝั่งเมียนมาร์
เส้นทางนี้คาดว่าจะกลายเป็นเส้นเลือดสำคัญของการค้าระหว่างประเทศสำหรับจีนและเมียนมาร์ ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งรายได้สำหรับระบอบการปกครองของทหารเมียนมาร์
ในขณะเดียวกัน มาตรการต่างๆ อยู่ระหว่างการจัดตั้งเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจชายแดนใน ชิงส่วยเหอ (Chin Shwe Haw) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (BRI) ของปักกิ่ง และเขตที่วางแผนไว้จะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจขั้นกลางสำหรับการนำเข้าและส่งออกของมณฑลยูนนาน
เส้นทางรถไฟสายใหม่ของจีน ผ่านเมียนมา หวังเชื่อมโยงจีนตะวันตกกับมหาสมุทรอินเดีย(photo credit: Chinese Embassy in Myanmar)
หยาง ห้าวตง ( Yang Haodong )เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเมือง หลินชาง ( Lincang) กล่าวในพิธีเปิดทางรถไฟเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า หลินชาง (Lincang) จะยังคงรับผิดชอบในการดำเนินการตาม BRI และ ปักหมุด “Economic Pivot” และปรารถนา ที่จะเขียนบทใหม่ในมิตรภาพระหว่างสองประเทศ
รายงานข่าวระบุด้วยว่า งานแสดงสินค้าชายแดน หลินชาง -ล่าเสี้ยว (Lincang-Lashio ) ก็จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26-30 ส.ค. งานแสดงสินค้าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มีบริษัทจีน 172 แห่ง และบริษัทเมียนมาร์ 27 แห่งเข้าร่วม
มีรายงานว่าบริษัทเมียนมาร์จัดแสดงหยกและอัญมณี ผลิตภัณฑ์ทางทะเล เฟอร์นิเจอร์และสินค้าเกษตร
จีนยังได้ทำงานเพื่อพัฒนาท่าเรือน้ำลึกในเมืองจอกพยูในรัฐยะไข่ คาดว่าโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจอกพยูและท่าเรือน้ำลึก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมาร์ คาดว่าจะช่วยลดการขนส่งสินค้าของจีนข้ามช่องแคบมะละกาที่แออัดใกล้สิงคโปร์ ในขณะที่ส่งเสริมการพัฒนาในมณฑลยูนนานที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
โดยก่อนหน้านี้ จีน พยายามสร้างทางรถไฟที่เชื่อมเมือง Muse เมืองชายแดนของรัฐฉานกับเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายตรงกับยูนนานและจอกพยู
ล่าช้าออกไปเนื่องจากการต่อสู้ระหว่างทหารและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ของเมียนมาร์ เส้นทางรถไฟที่เสนอจะผ่านพื้นที่ควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์และการปะทะกันที่ทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์เป็นอุปสรรคต่อโครงการ
ครับ จีนมุ่งมั่น ที่จะสร้างเส้นทางคมนาคมจากมณฑลด้านในของจีน ออกสู่มหาสมุทรอินเดีย และยังหวังจะเดินพัฒนาท่าเรือน้ำลึกในเมืองจอกพยูในรัฐยะไข่ ของเมียนมาด้วย
ซึ่งสถานการณ์อย่างนี้ จะดีต่อมินอองหล่าย และจีน และอาจจะส่งผลดีต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเมียนมา แต่ระยะยาวอาจจะส่งผลเสีย กระทบต่อการเมือง สิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตยของชาวเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งเสถียรภาพของอาเซียน ที่จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีน
ยิ่งตอนนี้สหรัฐฯเพิ่งทิ้งอัฟกานิสถานไปหมาดๆ คงไม่เข้ามายุ่งกับสถานการณ์ในเมียนมาแน่ๆ ก็ยิ่งเป็นโอกาสของจีน ทั้งในเมียนมา และในอัฟกานิสถาน ครับ