“อองหล่าย”บินซบรัสเซีย คาดเปิดเกมชน”ยูเอ็น”

480

 

 

มาติดตามสถานการกร์ในเมียนมากันต่อ ล่าสุด อองหล่าย ผู้นำรัฐประหาร เมียนมา ได้ออกเดินทางไปรัสเซียแล้ว เพื่อร่วมการประชุมมอสโคว์ว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ หลังยูเอ็น ได้ออกมติประณาม และเรียกร้องนานาชาติให้ระงับการส่งอาวุธเข้าเมียนมา คาดเดินแผนสู้ ตามโมเดลของ ซีเรีย อิหร่าน หรือ เกาหลีเหนือ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

มีรายงานจาก สื่อ NBung Dat Kasa – Kachin Multimedia รายงานว่า เช้าวันนี้ผู้นำรัฐประหารออกเดินทางไปรัสเซีย โดยตามรายงานของสื่อ MWD ผู้นำรัฐประหารออกเดินทางไปรัสเซียในเช้าวันที่ 20 มิถุนายนโดยสายการบิน MAI หรือ เมียนมาร์ แอร์เวย์ อินเตอร์เนชันแนล (Myanmar Airways International)

โดยทางสื่อ NBung Dat Kasa – Kachin Multimedia รายงานว่า กำลังสืบหาเหตุผลที่แท้จริงสำหรับการเยือนรัสเซียของผู้นำรัฐประหารพลเอกอาวุโสมินอองหล่าย

ด้านสำนักข่าว Reuters รายงานว่า พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย จะเข้าร่วมการประชุมมอสโคว์ว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศ ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 22-24 มิถุนายน ตามรายงานของ MRTV เครือข่ายโทรทัศน์ที่ควบคุมโดยกองทัพเมียนมาร์ รายงานเมื่อวันอาทิตย์

อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตุว่า การเดินทางไปรัสเซียครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ได้ประณามการรัฐประหารของทหารพม่า และเรียกร้องให้เคารพผลการเลือกตั้งในปี 2563 และให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทั้งหมด รวมทั้งอองซานซูจีทันที นอกจากนี้ยังมีมติเรียกร้องนานาชาติให้ระงับการส่งอาวุธเข้าเมียนมา

 

จากข้อมูลของเวบไซต์เมเนเจอร์ ออนไลน์ เคยระบุไว้ว่า กองทัพเมียนมาและรัสเซีย มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น มาตั้งแต่ พ.ศ.2533 เป็นต้นมา พม่าได้ส่งทหารและผู้เชี่ยวชาญไปกับการฝึกอบรมในรัสเซียจำนวนมาก เพื่อยกระดับขีดความสามารถของกองทัพและฝ่ายเทคนิค ปัจจุบันมีทหารรัสเซียเป็นทั้งที่ปรึกษาและดูแลงานบำรุงรักษาและซ่อมแซมเครื่องบินต่างๆ ในพม่า และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดดังเห็นได้จากวันกองทัพเมียนมาที่รัฐมนตรีช่วยกลาโหมของรัสเซียเข้าร่วมงานด้วย

จากรูปการณ์ดังกล่าวนี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ทหารเมียนมา กำลังเดินตามรอยโมเดลของชาติที่เป็นประปักษ์กับตะวันตก และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียก่อนหน้านี้ อย่างซีเรีย และอิหร่าน

เพราะหากแปะยี่ห้อ รัสเซีย เมื่อไหร่ ก็ไม่มีใครกล้าแตะ ยี่งสหประชาชาติ และอาเซียน มีสภาพอย่างนี้ด้วย ก็ไปกันใหญ่ ขออย่างเดียวให้ช่วยอุดหนุนอาวุธของรัสเซียเท่านั้น อยู่ยาวแน่

ดังนั้นดูแนวโน้ม คงยากสำหรับชาวเมียนมา ถ้าหากยังหวังปัจจัยข้างนอกเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในเมียนมา เป็นทางเดียวที่เป็นไปได้คือ การเปลี่ยนแปลงจากข้างในเท่านั้น ครับ