พล.ท.บอ จ่อ แฮ ลั่นอย่าเสียเวลาคุย”พม่า-BGF”/ชี้เรามีอาวุธอยู่ในมือทำไมไม่สู้

514

 

 

มาติดตามสถานการณ์ในรัฐกะเหรี่ยงกันต่อ ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ท.บอ จ่อ แฮ ระบุ อย่าเสียเวลาพูดคุยกับทหารพม่าและบีจีเอฟ พร้อมระบุว่า ตอนนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยงทุกกลุ่มว่า จะเขียนประวัติศาสตร์อย่างไร ลั่น ดูสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐกะเหรี่ยง พลเรือนหยิบหนังสติ๊ก ปืนทำเอง ลุกขึ้นสู้ แต่เรามีอาวุธอยู่ในมือทำไมไม่ต่อสู้ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

สื่อ Salween Press รายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์ด้วยภาษากะเหรี่ยงที่เผยแพร่บน YouTube ของ Karen History เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พล.ท.บอ จ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army :KNLA) ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union: KNU) กล่าวว่าเขาได้พบกับกลุ่มติดอาวุธชาวกะเหรี่ยงต่างๆ เช่น กองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) ,กองกำลังกะเหรี่ยงประชาธิปไตยฝ่ายพุทธหรือกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย(DKBA) และ สภาสันติภาพกองทัพปลดปล่อยชนชาติกะเหรี่ยง (KNLA-PC) หลายครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556

พล.ท.บอ จ่อ แฮ กล่าวด้วยว่า เขายังได้จัดการประชุมหลายครั้งกับผู้นำกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยงด้วยแนวทางต่างๆ ทั้งแบบเปิดเผย ส่วนตัว และแบบตัวต่อตัว พร้อมระบุ เราไม่เสียเวลา เราได้พูดคุยกันมากมาย ถึงเวลาแสดงการกระทำแล้ว

 

พล.ท.บอ จ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army :KNLA) ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union: KNU)/photo credit: Salween Press

 

นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า แม้ทหาร BGF เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง แต่พวกเขากำลังรับใช้ภายใต้กองทัพพม่า และรับคำสั่งมาจากแม่ทัพพม่าในเมืองเนปิดอว์

พร้อมย้ำว่า บีจีเอฟอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของทหารพม่า ผู้บังคับบัญชาอยู่ในกรุงเนปิดอว์ เราจะเชื่อใจพวกเขาและทำข้อตกลงกับพวกเขาได้อย่างไร

เขากล่าวว่าการเจรจาก็เพียงพอแล้ว และตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยงทุกกลุ่มว่า พวกเขาจะเขียนประวัติศาสตร์อย่างไรในการต่อต้านด้วยอาวุธ

เขากล่าวอีกว่า ถ้อยแถลงของเขาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเรียกร้องให้มีความสามัคคีในหมู่กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง รวมทั้ง BGF เป็นคำแถลงปิด และตอนนี้เขาจะมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการ

หลังจากการล่มสลายของฐานทัพหลักสองแห่งของทหารพม่าในแม่น้ำสาละวินในเดือนมีนาคมและเมษายน กองทหาร BGF ถูกส่งไปสนับสนุนกองทหารพม่าในพื้นที่ กองพลที่ 5 ของ KNLA ในเขต Papun หรือ Mutraw ทางตอนเหนือของรัฐกะเหรี่ยงที่มีการสู้รบระหว่าง KNLA และ ทหารพม่าบุกเกือบทุกวัน ในพื้นที่กองพลที่ 5 ของ KNLA และมีรายงานว่าทหารพม่ามากกว่า 300 นายถูกสังหารในการสู้รบตั้งแต่ต้นปีนี้ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมและเมษายน กองทัพพม่ายังได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศในฐานทัพ KNLA และหมู่บ้านในเขตผาปูน เช่นเดียวกับพื้นที่ KNLA ที่ชายแดนแม่น้ำสาละวินกับประเทศไทย

เมื่อถามถึงคำกล่าวของ ซอ มูตู เซย์ โป ประธาน สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU หรือ ประธาน ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พล.ท.บอ จ่อ แฮ บอกกับช่อง YouTube ของ Karen History ว่า คำกล่าวนี้ขัดกับคำกล่าวก่อนหน้าของเขาที่วิพากษ์วิจารณ์ทหารพม่าที่สังหารผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารโดยปราศจากอาวุธ และเรียกร้องให้เราทุกคนต้องต่อสู้เพื่อ โค่นล้มเผด็จการทหารพม่า

แต่อีกแถลงการณ์ บอกว่า KNU จะดำเนินการเจรจาต่อไปและปฏิบัติตามกรอบการทำงานของข้อตกลงหยุดยิง หรือ NCA ตนเองไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นอย่างไร กับคำพูดที่ขัดแย้ง

พล.ท.บอ จ่อ แฮ กล่าวอีกว่า KNLA เป็นกองทัพและมีอาวุธ ดังนั้นจึงไม่ควรเฝ้าดูพลเรือนที่ไม่มีอาวุธถูกทรมานและสังหารโดยทหารพม่า

พร้อมระบุว่า ดูสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐกะเหรี่ยง พลเรือนหนังสติ๊ก ปืนทำเอง และสิ่งที่พวกเขามีและต่อสู้กลับ เรามีอาวุธอยู่ในมือ ดังนั้นทำไมเราไม่ต่อสู้

อย่างไรก็ตาม พลเอกซอ จอห์นนี่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของ​กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งสนับสนุนคำกล่าวของประธาน KNU เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง หรือ NCA ในแถลงการณ์ พล.อ.ซอ จอห์นนี่ ยังกล่าวอีกว่า KNLA และสมาชิกจะปฏิบัติตามความเป็นผู้นำทางการเมืองของ KNU อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามกรอบการทำงานของ NCA

ครับ ท่ามกลางความสิ้นหวังของชาวกะเหรี่ยง หลังผู้นำขอ KNU มีท่าทียอมรับอำนาจของพม่า แต่ ท่าที่ล่าสุด ของ พล.ท.บอ จ่อ แฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army :KNLA) ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union: KNU) แสดงให้เห็นว่า ชาวกะเหรี่ยง เริ่มมีความหวังมากขึ้น

หากนับในบรรดาผู้ของชาวกะเหรี่ยงที่โดนเด่น นับตั้งแต่ ซอ บา อู จี ,นายพลโบเมี๊ยะ ก็มี พล.ท.บอ จ่อ แฮ นี่หละ ที่ทำให้ ชาวกะเหรี่ยง กลับมามีชีวิตชีวา และมีความหวังอีกครั้ง