“นศ.เมียนมา”เผาทิ้งธงอาเซียน ฉุนยอมรับ “รัฐบาลอองหล่าย”-เมิน NUG

542

 

 

มาติดตามสถานการณ์ในเมียนมากันต่อ ล่าสุด รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา(NUG) ลั่นไม่มีความคาดหวังใด ๆ ว่าอาเซียนสามารถช่วยเหลือเมียนมาได้อีกต่อไป หลังตัวแทน 2 คนเดินทางเยือนประเทศเมียนมา และเข้าพบ “มิน ออง หล่าย” ด้านนักศึกษาในเมืองมัณฑะเลย์ ได้จุดไฟเผาธงอาเซียน ฉุนอาเซียน ยอมรับรัฐบาลเผด็จการ และไม่แสดงจุดยืนยอมรับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

5 มิถุนายน 2564 สำนักข่าว อิรวดี รายงานว่า รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา(NUG) กล่าวว่า ไม่มีความคาดหวังใด ๆ ว่าอาเซียน สามารถช่วยเมียนมาได้อีกต่อไป หลังเมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุยายน ทูตระดับภูมิภาค 2 คนเดินทางเยือนประเทศเมียนมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของฉันทามติ 5 ประเด็น ที่ตกลงกันในการประชุมที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย เมื่อปลายเดือนเมษายน และได้พบกับผู้นำรัฐบาลทหาร มิน ออง หล่าย

ด้านสื่อ Khit Thit Media รายงานว่า นักศึกษาในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งอยู่ในบริเวณภาคกลางของประเทศ ได้จุดไฟเผาธงอาเซียนในเย็น 5 มิถุนายน เนื่องจากเห็นว่าพยายามให้ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลเผด็จการ และไม่ไม่แสดงจุดยืนยอมรับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ

นักศึกษากลุ่มดังกล่าวระบุว่า อาเซียนเป็นกลุ่มที่ตั้งอยู่ขึ้นเพื่อสนับสนุนและร่วมมือซึ่งกันและกันในภูมิภาคนี้ แต่ตอนนี้เห็นแล้วว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกันนั้นไม่ยุติธรรม และความร่วมมือกำลังทำลายประชาธิปไตย

 

นักศึกษาในเมืองมัณฑะเลย์  ประท้วงจุดไฟเผาธงอาเซียน/Cr.video:clip owner,Khit Thit Media 

 

ทั้งนี้เมื่อ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่าน สื่อ Global New Light Of Myanmar รายงานว่า นายลิม จก โฮย เลขาธิการอาเซียน และนายอีริวาน ยูซอฟ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศบรูไน ได้เข้าพบ พล.อ.มิน ออง หล่าย ที่ทำเนียบ ในกรุงเนปิดอว์ โดยได้มีหารือเรื่องแผนจัดการเลือกตั้งโดยสันติ และเสถียรภาพของประเทศ และความร่วมมือของเมียนมาร์ในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ครับ สถานการณ์ในเมียนมา สะท้อนให้เห็นว่า ยังไม่เห็นแสงแห่งปลายอุโมงค์ เพราะองค์กรระหว่างประเทศใหญ่ๆ โดยเฉพาะสหประชาชาติ และอาเซียน ต่างไม่ต้องการเข้าไปยุ่ง แถมยังมีท่าทีไปสนับสนับฝ่ายรัฐประหาร ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาเสียอีก

เมื่อผลออกมาอย่างนี้ จึงมีความเสี่ยงสูง ที่รัฐบาลทหาร จะมีการใช้กำลังที่รุนแรงขึ้นไปอีก เพราะไม่ใครมาขัดขวาง ซึ่งการนิ่งเฉยก็เท่ากับยอมรับว่าการกระทำของรัฐบาลทหาร ซึ่งเข้าทางอองหล่าย เต็มๆ

แต่อย่างก็ตาม ฝ่ายต่อต้าน เอง ก็มีใครงอมืองอเท้า ถล่มมาก็ถล่มกลับ ดังนั้นสถานการณ์ในเมียนมา จากนี้เชื่อว่า ตัวชี้ขาด จะอยู่ที่ปัจจัยการทหารเป็นหลัก