“ตร.พม่า”ในรัฐกะเหรี่ยงผวา-ปิดโรงพักหนีเกลี้ยง

664

 

 

มาติดตามข่าวในรัฐกะเหรี่ยงกันต่อครับ มีรายงานข่าวว่า ตำรวจสถานีตำรวจท้องถิ่นในหมู่บ้านอาซิน เมืองไจโดน ในรัฐกะเหรี่ยง ได้ถูกปิดทิ้งเงียบหลังได้ถอนกำลังพร้อมครอบครัวออกไป คาดหวั่นกองกำลังกะเหรี่ยง และหวั่นซ้ำรอยเหตุกองกำลังประชาชนถล่มสถานีตำรวจในชายแดนรัฐฉาน รัฐกะยา และสังหารตำรวจไปถึง 14 นาย และถูกจับอีกหลายคน เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

วันที่ 29 พฤษภาคม 2564 สื่อ เอยาวะดี ไทมส์  รายงานว่า ตำรวจในรัฐกะเหรี่ยงหนีออกจากสถานีตำรวจหมู่บ้านอาซิน รัฐกะเหรี่ยง

โดยรายละเอียดระบุว่า ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านในรัฐกะเหรี่ยง บอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจท้องถิ่นในหมู่บ้านอาซิน เมืองไจโดน (Kyaikdon) ได้ออกจากสถานีไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา

พร้อมระบุว่า สมาชิกในครอบครัวย้ายออกไปอยู่ในตัวเมืองไจโดนในตอนเช้า และตำรวจก็ย้ายออกไปตอนกลางคืน และพบว่าสถานีตำรวจถูกปิดทิ้งไว้

 

สำหรับสถานีตำรวจหมู่บ้านอาซิน (Azin) ตั้งอยู่ในเขต พูพลายา (Duplaya ) เขตของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ใกล้กับกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) และ กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย DKBA และฐานของทหารเมียนมา

สื่อ Kachinwaves รายงานว่า สถานีตํารวจเขตอาซิน มีกําลังตํารวจ 10 ถึง 20 นาย

ในขณะที่สื่อ BAB รายงานยืนยันข่าวนี้ พร้อมโยงเหตุการณ์ ที่เคยมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 14 นาย ของสถานีตำรวจเมืองโมบเย (Moe Byal) ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดน Shan-Kayah ถูกกองกำลังป้องกันพลเรือนสังหาร

สำหรับการการเคลื่อนย้ายนี้ เกิดขึ้นหลังการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องของกองทัพกะเหรี่ยง KNLA ที่ทำให้ทหารกองกำลังพิทักย์ชายแดน และทหารเมียนมา ได้รับการสูญเสียอย่างต่อเนื่อง ทั้งบาดเจ็บ เสียชีวิต และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

 

ตำรวจจากสถานีตำรวจท้องถิ่นในหมู่บ้านอาซิน เมืองไจโดน รัฐกะเหรี่ยง/Cr.Photo : Image owner,Ayeyarwaddy Times

 

ดังนั้นจากข่าวนี้แสดงให้เห็นว่า อำนาจของทหารรัฐบาลเมียนมาในพื้นที่กำลังหดหายไป จนไม่สามารถมั่นใจในความปลอดภัยอย่างที่เคยมีมาเช่นก่อนหน้านี้

และนี่หมายความว่า สิ่งที่กองกำลังกะเหรี่ยงกำลังทำงานอยู่เริ่มเห็นผลแล้ว แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะตราบใดที่กองกำลังพิทักย์ชายแดนหรือ BGF ของนายพลหม่องซิตตู่ยังอยู่ ทหารของมินอองหล่าย ยังอยู่ ความสันติสุขที่แท้จริงของชาวกะเหรี่ยง ก็จะยังไม่บังเกิดขึ้นอย่างแท้จริงในรัฐกะเหรี่ยง