รัฐชินเดือดทห.อองหล่ายถูกยึดรถ6คนดับ5-กกล.ฝ่ายต่อต้านดับ2

411

 

 

 

มาติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารมินอองหล่าย กับ กองกำลังป้องกันประชาชนในรัฐชิน กันบ้าง ล่าสุด มีการต่อสู้อย่างดุเดือด โดยทหารมินอองหล่าย ได้โจมตีด้วยปืนใหญ่และเฮลิคอปเตอร์ในเมืองมินดัท โดยวันก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ยานพาหนะของสภาทหาร 6 คันถูกจุดไฟ อาวุธถูกยึด นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากการสู้รบในเมืองดังกล่าว ว่า ทหารเสียชีวิต 5 นาย ส่วนกองกำลังฝ่ายต่อต้านเสียชีวิต 2 ราย พร้อมได้เรียกร้องให้พื้นที่อื่นมาช่วย หลังทหารพม่า ได้เสริมกำลังในเมืองมินดัท เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

ใน 15 พ.ค. 64 สื่อ Than Lwin Khet News  รายงานว่า สภาทหารได้ส่งกองกำลังจำนวนมากเข้ามา สำหรับการสู้รบที่เมืองมินดัท ในขณะที่ฝ่ายต่อต้าน ได้เรียกร้องให้เมืองอื่น ๆ เข้าร่วมการต่อสู้ เนื่องจากสภาทหารได้ส่งกองกำลังเข้าจำนวนมาก

สื่อ Khampat Times รายงานว่า เมื่อเช้าวันที่ 15 พ.ค. กองทัพทหารพม่า ยังได้โจมตีด้วยปืนใหญ่และเฮลิคอปเตอร์ในเมืองมินดัท แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ยานพาหนะของสภาทหาร 6 คันถูกจุดไฟ และอาวุธถูกยึดโดยกองกำลังป้องกันประชาชน

สำนักข่าวอิระวดี รายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อ 14 พ.ค.กองกำลังต่อต้านพลเรือนของรัฐชินไม่สนใจการประกาศกฎอัยการศึกของรัฐบาลทหารพม่า โดยมีการปะทะอย่างเข้มข้นกับกองทหารของรัฐบาลทหารในเมืองมินดัท  เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยสมาชิกของกองกำลังป้องกันพลเรือน ระบุว่า สมาชิก 2 คนของกองกำลังต่อต้านพลเรือน ถูกสังหารในการต่อสู้

 

นักรบกองกำลังพลเรือนยึดรถทหารพม่าในรัฐชิน/Cr.Photo: CJ 

 

นักรบกองกำลังพลเรือน เปิดเผยเหตุการณ์ในต่อสูู้ว่า กองทหารของรัฐบาลทหารพยายามที่จะเข้ามาในเมืองทั้งทางเข้าทางตะวันตกและทางตะวันออก โดยการต่อสู้ทางฝั่งตะวันออกของเมืองนั้นเป็นไปด้วยความรุนแรง

ชาวบ้านในท้องถิ่นกล่าวว่า มีรายงานว่ามีทหารรัฐบาลทหารอย่างน้อย 5 นายเสียชีวิตระหว่างการยิงทางด้านตะวันออกของเมืองกองกำลังป้องกันเมืองมินดัท กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พ.ค.ว่ากองทัพได้ใช้วัตถุระเบิดขนาดใหญ่ ปืนใหญ่ จรวดและปืนกลอัตโนมัติในการยิงกับนักรบต่อต้านพลเรือน

ในการต่อสู้นั้น นักสู้ฝ่ายต่อต้านพลเรือนส่วนใหญ่ใช้อาวุธปืนแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นปืนล่าสัตว์ เป็นอาวุธปืนใช้เทคโนโลยีย้อนไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 19

 

สำหรับจุดเริ่มต้นของความรุนแรงนี้ รายงานข่าวระบุว่า การต่อสู้ระหว่างกองทหารรัฐบาลทหารและกองกำลังป้องกันเมืองมินดัท  เริ่มต้นขึ้นในคืนวันพุธที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่รายงานข่าวไม่ระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดการปะทะกัน

ต่อมารัฐบาลทหารได้ประกาศกฎอัยการศึกสำหรับ เมืองมินดัท ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ค.

 

 

เฮลิคอปเตอร์ทหารพม่าถล่มกองกำลังพลเรือน ในเมืองมินดัท รัฐชิน/ Cr.Photo: Khampat Times 

 

อย่างไรก็ตามการประกาศกฎอัยการศึกไม่มีผล โดยสมาชิกฝ่ายต่อต้านพลเรือนกล่าวว่า คนของเราไม่ยอมรับกฎหมาย ขณะนี้เรากำลังมุ่งเน้นไปที่การยิง เราสามารถควบคุมเมืองทั้งเมืองได้ ยกเว้นสถานีตำรวจและบางแห่ง

โดยตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น. ในวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา การยิงเริ่มขึ้นบนทางหลวง มินดัท-มะตูปี ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมือง โดยนักรบฝ่ายต่อต้านพลเรือน ได้ขัดขวางยานพาหนะประมาณ 11 คันที่ขนส่งทหาร 250 นาย ที่กำลังเข้าใกล้ เมืองมินดัท เพื่อทำการจู่โจม

ในขณะเดียวกันการยิงเกิดขึ้นบนทางหลวงที่เชื่อมต่อระหว่าง เมืองมินดัท ของรัฐชินและ เมืองเจาะทู ของภูมิภาค มกะเว ทางฝั่งตะวันออกของเมืองตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดี นักสู้ฝ่ายพลเรือน ได้ต่อสู้กับกองกำลังทหารประมาณ 180 นาย ที่มาจาก เมืองเจาะทู  ภูมิภาคมกะเว ที่กำลังเข้าใกล้เมือง

สถานการณ์ในพม่าขณะนี้ ได้เข้าสู่สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบแล้ว ทำให้เกิดการสูญเสียของทุกฝ่าย สิ่งที่น่าห่วงคือ เมื่อเกิดสงครามเกิดแล้วจะหยุดมันอย่างไร และใครจะเป็นผู้หยุดยั้งมัน เพราะทั้งอาเซียน และสหประชาชาชาติ ดูเหมือนจะเกี่ยงกัน ไม่มีใครลงมาแก้ปัญหานี้อย่างจริง แต่หากปล่อยไว้ ปัญหาลุกลามบานปลาย

นอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศเมียนม่าแล้ว ประเทศข้างเคียง ต้องได้รับความเดือดร้อนตามมาแน่นอน ดังจะเห็นได้จากประเทศไทยกำลังได้รับผลกระทบจากผู้อพยพ และผู้ลักลอบเข้ามาทำงานจำนวนมาก ไม่เว้นแต่ละวัน รวมทั้งการค้าการลงทุนด้วย

ดังนั้นสถานการณ์ของพม่า ต่อจากนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดครับ