แฉทห.พม่าส่ง”โดรน”ไล่ล่าชาวกะเหรี่ยง/เน้นโจมตีผู้หลบตามถ้ำ โขดหิน

707

 

 

มีรายงาน ชาวกะเหรี่ยงหลายร้อยคนขอลี้ภัยในประเทศไทย หลังจากการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารในเขต Mutraw หรือที่เรียกว่า Hpapun รัฐกะเหรี่ยง คาดว่าจะผู้พลัดถิ่นอีกหลายพันคนที่หลบการโจมตีทางอากาศของทหารพม่า ด้านองค์กรสตรีกะเหรี่ยง แฉก่อนเกิดการโจมตีทหารพม่า ใช้โดรนและเครื่องบินทหาร ออกลาดตระเวนในพื้นที่ทุกวันทั้งกลางวันและกลางคืน โดยจะกำหนดเป้าหมายไปที่ ที่ผู้คน ผู้ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ในหุบเขา ใต้โขดหิน ในขณะที่ โฆษกของกองพลที่ 5 ของ KNU/KNLA ระบุว่าทหารพม่า มีเป้าหมายทิ้งระเบิดในพื้นที่พลเรือน หวังกดดันเลิกหนุนกองกำลังกะเหรี่ยง เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

29 เมษายน 2564 myanmar-now รายงานว่า เครือข่ายประชาสังคมในพื้นที่กล่าว ว่า กลุ่มผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงประมาณ 300 คนหลบหนีไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทยในวันพุธ หลังการโจมตีทางอากาศของทหารเมียนมาใกล้ที่พักอาศัยบริเวณชายแดน

ด้านเครือข่ายสนับสนุนสันติภาพกะเหรี่ยง (KPSN) ระบุว่า รัฐบาลทหารได้เปิดการโจมตีทางอากาศ 9 ครั้งในเขตมูตรอ (Mutraw District) หรือที่เรียกว่า ผาปูน (Hpapun) ระหว่างวันที่ 27-28 เมษายน

 

ชาวกะเหรี่ยงหลบอยู่ตามถ้ำหลีกหนีอันตรายจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของทหารพม่า/Cr.Photo: Karen Women’s Organization – KWO 

 

KPSN กล่าวว่ามีการนัดหยุดการงานหลายครั้งในพื้นที่ใกล้ค่ายผู้พลัดถิ่น (IDP) ในพื้นที่ อิตูท่า (Ei Htu Hta ) ใกล้แม่น้ำสาละวิน

นอ คเยา ปอว์ สมาชิก KPSN และเลขาธิกาองค์กรสตรีกะเหรี่ยง (Karen Women’s Organization:KWO ) กล่าวว่า หากการโจมตีของทหารยังดำเนินต่อไปประชาชน 7,000 คนที่ยังหลบภัยอยู่ริมแม่น้ำอาจต้องขอลี้ภัยในประเทศไทย

“โดยเธอย้ำวว่า เราต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจริงๆ และเราต้องการให้ทางการไทยเปิดใจ และให้ความช่วยเหลือกับผู้พลัดถิ่นที่กำลังหลบหนี

เครือข่าย KPSN ยืนยันว่ามีการโจมตีทางอากาศมากกว่า 20 ครั้งในเขตมูตรอ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ควบคุมโดยกองพลที่ 5 ของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ซึ่งเป็นปีกติดอาวุธของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU)

ชาวกะเหรี่ยงหลบอยู่ตามถ้ำหลีกหนีอันตรายจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของทหารพม่า/Cr.Photo: Karen Women’s Organization – KWO 

 

 

กลุ่มช่วยเหลือท้องถิ่น Free Burma Rangers ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 รายและบาดเจ็บ 16 ราย จากการโจมตีทางอากาศรอบที่แล้วในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมถึง 1 เมษายน

ตามการประมาณการของเครือข่าย KPSN ระบุ การโจมตีทางอากาศของเขต Mutraw พร้อมกับการโจมตีด้วยปืนใหญ่ ทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากถึง 45,000 คน และล่าสุด ผู้พลัดถิ่นเกือบ 4,000 คนยังพักพิงอยู่ในเขต KNU ของเขตเกลอะ-ลวีทู หรือที่พม่าเรียกว่า เญาง์เลบิน ในเขตพะโค และ ท่าตอน ในรัฐมอญ หรือพม่า เรียกว่า สะเทิม

ไม่มีรายงานการบาดเจ็บล้มตายในการโจมตีครั้งล่าสุดในเขตมูตรอ แต่ตัวแทนของ KPSN กล่าวว่าการโจมตีตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมมีเป้าหมายที่พลเรือนอย่างต่อเนื่อง

นอ คเยา ปอว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทหารพม่ากำหนดเป้าหมายไปที่หมู่บ้านต่างๆ ผู้คนเริ่มซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ในหุบเขา ใต้โขดหิน ทุกที่ที่พวกเขาสามารถพบได้ พร้อมระบุว่า ในช่วงสองวันที่ผ่านมาพวกเขาตั้งเป้าไปที่พื้นที่หุบเขา ไม่ใช่หมู่บ้าน เราคิดว่าพวกเขาเห็นรูปถ่ายและรู้ว่าผู้คนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

เธอเสริมว่าก่อนเกิดการโจมตีโดรนและเครื่องบินทหารได้ออกลาดตระเวนในพื้นที่ “ทุกวันทั้งกลางวันและกลางคืน”

ก่อนหน้านี้ ด้านโฆษกของกองพลที่ 5 ของ KNLA พันเอก Saw Kale Do เปิดเผยกับสื่อ KIC ของกะเหรี่ยงว่า การทิ้งระเบิด ของทหารพม่า มีเป้าหมายในพื้นที่พลเรือนเท่านั้น พร้อมระบุว่า ครั้งล่าสุด ที่ทิ้งระเบิด คือ พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ที่อยู่อาศัย

เขากล่าวอีกว่า มีเพียงชาวบ้านเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ ทหารพม่ากำหนดเป้าหมายไปที่พลเรือน ไม่ใช่กลุ่มติดอาวุธ จุดมุ่งหมายคือเพื่อลดการสนับสนุนของผู้คนที่มีต่อองค์กรปฏิวัติของกะเหรี่ยง

สงครามที่ว่าเลวร้ายแล้ว การยิง หรือ ทิ้งระเบิดใส่พลเรือน ผู้ไม่มีอาวุธ ไร้หนทางสู้ มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า ซึ่งพลเรือนเหล่านี้ ล้วนเป็นเด็ก ผู้หญิง ผู้ชรา ที่ไม่สามารถต่อกรกับทหารพม่าได้เลย และนี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่กระทำต่อมนุษยชาติ
ด้วยเหตุนี้ การใช้ตรรกะ เหตุผลโต้ตอบ สื่อสารกับผู้ทำเช่นนี้ เพียงอย่างเดียว ก็คงไม่ประโยชน์อีกต่อไป