ไปที่ สปป.ลาวกันบ้าง ล่าสุด นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ย้ำรถไฟลาว-จีน จะเปิดใช้เดือนธันวาคมนี้ ตามกำหนด แต่จะใช้สำหรับการขนส่งสินค้าก่อน พร้อมกระตุ้นทุกภาคส่วนของลาว เร่งพัฒนาการท่องเที่ยว เพราะเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศที่สำคัญ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
11 ตุลาคม 2564 สำนักข่าว laotiantimes รายงานว่า รถไฟลาว-จีนจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้ ตามกำหนด แต่จะใช้สำหรับการขนส่งสินค้าเป็นหลัก ตามประกาศของนายกรัฐมนตรีลาว
โดยนายกรัฐมนตรีสสป.ลาว ดร.พันคำ วิภาวัน ได้ประกาศในระหว่างการแถลงข่าว ที่กรุงเวียงจันทน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดยย้ำว่า รถไฟลาว-จีน จะแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้งานในวันชาติลาวในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
พร้อมระบุว่า ว่ารัฐบาลลาวมีแผนจะเปิดตัวรถไฟลาว-จีนโดยเน้นที่การขนส่งสินค้าก่อน ตามด้วยการขนส่งนักท่องเที่ยวเมื่อมีเงื่อนไขที่เหมาะสม
และว่า การท่องเที่ยวเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศที่สำคัญในลาว ดังนั้นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรทำงานอย่างหนักเพื่อติดตามและพัฒนาภาคนี้ อย่างไรก็ตาม เราต้องมั่นใจในความปลอดภัยของประชากรก่อน
สำหรับ การก่อสร้างทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ที่เชื่อมเมืองหลวงของลาว นครหลวงเวียงจันทน์กับชายแดนจีนระยะทาง 427 กม. เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2559 โดยเชื่อมโยง 5 จังหวัด ได้แก่ หลวงน้ำทา อุดมไซ หลวงพระบาง แขวงเวียงจันทน์ และนครหลวงเวียงจันทน์
รถไฟลาว-จีน จะเปิดให้ใช้งานในวันชาติลาวในวันที่ 2 ธันวาคมนี้/photo credit : Lao China Railway,Lao National Radio
ทางรถไฟประกอบด้วยอุโมงค์ยาว 198 กม. และจะข้ามสะพาน 62 กม. โดยจะวิ่งจากประตูชายแดนบ่อเต็น ซึ่งเชื่อมระหว่างลาวตอนเหนือกับจีน ลงไปที่เมืองหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ ด้วยความเร็วปฏิบัติการ 160 กม.ต่อชั่วโมง
ครับ รถไฟลาว-จีน จะเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทาง และขนส่งสินค้าจากอาเซียนไปจีน รัสเซีย และยุโรปต่อไป นอกจาก ลาว และจีน จะได้ประโยชน์ โดยตรงจากโครงการแล้ว ในส่วนของไทย ก็จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้โดยตรง เช่นกัน
โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ของไทย ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการขึ้นอย่างมากในจีน และตลาดโลก ที่ผ่านมาการขนส่งอาศัยทางเรือ ทั้งโดยทางทะเล แม่น้ำโขง
และถนนผ่านชายแดนลาว-จีนตอนเหนือ และผ่านทางรถไฟของเวียดนาม ซึ่งต้องใช้เวลา และมีความยุ่งยากมาก ทำให้ผลไม้ไทย ซึ่งเป็นผลไม้เมืองร้อนเน่าเสียได้ง่าย
แต่เมื่อมีการขนส่งทางราง ผ่านลาว เข้าจีน ที่ใช้เวลาเพียง 10-12 ชั่วโมงเท่านั้น จากเดิมจะใช้เวลามากกว่านี้มาก ก็จะยิ่งเป็นโอกาสของสินค้าไทยไปจีน รัสเซีย และยุโรป มากขึ้นต่อไป
