หัวหน้าคณะปฏิวัติพม่า เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารหญิง มีความรักชาติมากขึ้น เมื่อภัยคุกคามจากการต่อต้านเพิ่มมากขึ้น ชี้ ผู้หญิงมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร จึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันประเทศ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
23 ธันวาคม 2566 สำนักข่าว ดิ อิรวะดี รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 มิน ออง หล่าย ผู้นำเผด็จการทหารพม่า กล่าวกับผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายร้อยหญิงชุดที่ 10 ของหน่วยบริการป้องกันประเทศ (กองทัพบก) ให้มีบทบาทมากขึ้นในการป้องกันประเทศ เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มต่อต้านที่แข็งกร้าวมากขึ้นทั่วประเทศ ผู้หญิงประกอบด้วยมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร ดังนั้นพวกเธอจึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการป้องกันประเทศ เขากล่าว
พร้อมเรียกร้องให้ผู้สำเร็จการศึกษามีความรักชาติมากขึ้น กองทัพยังคงเป็นแนวหน้าในการเมืองระดับชาติ เขากล่าวเสริม (ภาพ: CINCDS)
ครับพม่า ต้องเผชิญกับสงครามกลางมากว่า 70 ปี หลังได้รับเอกราชจากอังกฤษ ทำให้ประชากรที่จะมาเป็นทหารมีไม่มาก โดยผลการสำรวจสำมะโนประชากรพม่า พ.ศ. 2557 พบว่ามีประชากรประมาณ 51 ล้านคน และในอดีตทหารขาดแคลนถึงกับนำเด็กมาเป็นทหาร
อย่างที่เมื่อประมาณปี 2555 สำนักข่าวอิสระรายงานเมื่อเดือนมิถุนายน 2555 ว่า “เด็ก ๆ ถูกขายเป็นทหารเกณฑ์ในกองทัพพม่าด้วยเงินเพียง 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 1,280 บาท และข้าวหนึ่งถุงหรือน้ำมันหนึ่งกระป๋อง
จวบจนมาถึงปัจจุบันการรบก็ยังไม่หยุด และเสียกำลังไพร่พลจำนวนมาก ดังนั้นผู้หญิงจึงเป็นเป้าสำคัญที่อ่องหล่าย จะนำมาต่อกรกับฝ่ายต่อต้านต่อไปครับ
