ไปที่เมียนมากันต่อ ล่าสุดมีรายงานว่า กองทัพเมียนมา เร่งเกณฑ์ผู้หญิงโสดอายุ 18-25 ปี เข้าร่วมในกองทัพหลังจากสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก จากการต่อต้านจากองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ต่อสู้อย่างหนัก ด้านรัฐบาลเงา หรือ NUG อ้าง ทหารของรัฐบาลทหารมากกว่า 20,000 นายถูกสังหาร และอีก 7,000 นายได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
สำนักข่าว ดิ อิรวดี รายงานเมื่อ 12 กันยายน 2565 ว่า กองทัพเมียนมา ซึ่งกำลังดิ้นรนในการเกณฑ์ทหารท่ามกลางผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและการหลบหนี กำลังลงนามให้ผู้หญิงเข้าร่วมในบทบาทการต่อสู้
มีการโฆษณารับสมัครงานในหนังสือพิมพ์เมียวดีที่ของรัฐบาลทหาร โดยเชิญสาวโสดอายุ 18-25 ปี เข้าร่วมกองทัพ
โดยผู้สมัครจะได้รับการฝึกอบรมสี่เดือน จากนั้นจึงส่งตัวไปสนับสนุนการต่อสู้ในกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
รัฐบาลทหารกล่าวว่าผู้สมัครไม่จำเป็นต้องได้รับปริญญาหรือน้ำหนักที่เบากว่า 45 กก. ซึ่งเป็นข้อกำหนดก่อนหน้านี้
มีรายงานว่าทหารหญิงถูกพบเป็นแนวหน้าในหลายพื้นที่ รวมถึงรัฐกะยา ซึ่งผู้หญิงถูกจับและใช้เป็นโล่มนุษย์
กองทัพเมียนมา กำลังดิ้นรนในการรับสมัคร และการสมัครเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาของกองทัพลดลง ตั้งแต่การทำรัฐประหารในปี 2564
กองทัพเมียนมาร์ ได้สั่งให้ภริยาของเจ้าหน้าที่เข้ารับการฝึกอบรม และระดมกองกำลังกึ่งทหารที่รู้จักกันในชื่อ “พยูสาตี” จากผู้สนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ
กองทัพเมียนมาร์ ได้รับการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากท่ามกลางการต่อต้านจากองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ต่อสู้อย่างหนักและกลุ่มติดอาวุธที่จัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งต่อต้านการปกครองของทหาร
โดยรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG ระบุว่า ทหารของรัฐบาลทหารมากกว่า 20,150 นายถูกสังหาร และอีก 7,000 นายได้รับบาดเจ็บ นับตั้งแต่การประกาศสงครามของรัฐบาลเงา หรือ NUG เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564 และทหารของรัฐบาลหลายนายก็หลบหนีไปด้วย
และว่า บุคลากรของกองทัพเมียนมา มีประมาณ 300,000 ถึง 350,000 คนในต้นปี 2564 โดยปัจจุบันมีประมาณ 200,000 คน ซึ่งมีเพียง 100,000 คนเท่านั้นที่เป็นทหารต่อสู้
ครับ สถานการณ์ในเมียนมา การสู้รบสูญเสียทั้งฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายทหารอองหล่าย ดังนั้นจึงต้องรับสมัครผู้หญิงมาจับอาวุธมาต่อสู้ต่อ เพราะกำลังพลบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก สถานการณ์แบบนี้จึงชี้ให้เห็นว่า สงครามกลางเมืองในเมียนมา มีแนวโน้มจบยากครับ