ไปที่เมียนมากันบ้าง ล่าสุด สหรัฐฯ ประณามรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา ที่ใช้ความรุนแรงในรัฐชิน และเรียกร้องให้มีการดำเนินการระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนเพื่อให้กองทัพเมียนมา รับผิดชอบต่อความรุนแรง ซึ่งการแทรกแซงของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากกองกำลังของรัฐบาลโจมตีเมืองตานตะลาง( Thantlang )ของรัฐชิน อีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทำลายบ้านเรือนและอาคารกว่า 160 หลัง รวมถึงโบสถ์ 2 แห่ง เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
1 พฤศจิกายน 2564 สำนักข่าวดิอิรวดี รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค.64 นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่าการกระทำที่โหดร้ายของระบอบทหารต่อผู้คน บ้านเรือน และสถานที่สักการะของพวกเขา เผยให้เห็นว่ารัฐบาลเผด็จการเพิกเฉยต่อชีวิตและสวัสดิภาพพลเรือนโดยสมบูรณ์
และว่า การโจมตีเหล่านี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของประชาคมระหว่างประเทศในการให้ทหารเมียนมา รับผิดชอบ และดำเนินการเพื่อป้องกันการละเมิดอย่างร้ายแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงการป้องกันการส่งอาวุธให้กับกองทัพ
ตามรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนชิน (CHRO) ( Chin Human Rights Organisation (CHRO)) ระบุว่า บ้านเรือนอย่างน้อย 164 หลังจาก 2,000 หลังคาเรือนในเมืองตานตะลาง (Thantlang) ถูกไฟไหม้หลังจากปืนใหญ่ของรัฐบาลทหารโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ไฟเริ่มต้นหลังจากการทิ้งระเบิด และกลืนกินเมืองจนถึงเช้าวันเสาร์ที่ 30 ต.ค. เนื่องจากชาวเมืองได้หลบหนีไปจำนวนมากแล้ว และความพยายามใดๆ ของผู้คนในหมู่บ้านโดยรอบในการดับไฟจะมีความเสี่ยงถึงชีวิต
รัฐบาลทหารได้โจมตี เมืองตานตะลาง รัฐชิน /Cr.ภาพ Thantlang CDF
ประชากรส่วนใหญ่ของ เมืองตานตะลาง (Thantlang) ได้อพยพออกจากเมืองบนยอดเขาแล้ว เนื่องจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ก่อนหน้านี้ อาคารประมาณ 20 หลังถูกไฟไหม้เมื่อปลายเดือนกันยายนหลังการยิงปืนใหญ่ของรัฐบาล ขณะที่ศิษยาภิบาล ชาวคริสต์ที่พยายามช่วยดับไฟถูกทหารของฝ่ายรัฐบาลสังหาร
ผู้คนจำนวนมากในเมืองตานตะลาง (Thantlang) ได้สูญเสีย ไม่เพียงแต่บ้านของพวกเขา แต่ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาด้วย
กองกำลังของรัฐบาลทหารยังจงใจจุดไฟเผาบ้านเรือนหลังการโจมตี
ตามรายงานของกลุ่มต่อต้านในพื้นที่ กล่าวกันว่า กระสุนเริ่มต้นขึ้น หลังจากทหารที่ปล้นสินค้าในร้านถูกยิงเสียชีวิตโดยนักรบต่อต้านพลเรือน
องค์กรสิทธิมนุษยชนชิน กล่าวในแถลงการณ์ของพวกเขาว่า ในระหว่างการทิ้งระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 ต.ค. โบสถ์ 2 แห่ง คือ โบสถ์บนเขาและโบสถ์เพรสไบทีเรียน ถูกไฟไหม้ พร้อมกับอาคารที่ติดกับโบสถ์ในเมืองตานตะลาง(Thantlang) ซึ่งเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
ด้านองค์กรการกุศล Save The Children รายงานด้วยว่า สำนักงานของพวกเขาถูกทำลายในกองไฟ
องค์กรการกุศลในลอนดอนกล่าว ในแถลงการณ์ว่า มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็ก 20 คนและครูของพวกเขาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าเมือง
แต่ พล.ต.ซอ มิน ทุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา โต้แย้งรายงานดังกล่าว โดยระบุว่า “ไร้เหตุผล” เขากล่าวหาว่ากองกำลังป้องกันประชาชนในท้องถิ่นจุดไฟเผาบ้านเรือน
ด้าน ซะไล อิสซัก เคน (Salai Issac Khen) อดีตผู้บริหาร เทศบาลแห่งรัฐชิน ภายใต้รัฐบาลสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ประณามการระดมยิงของทหารที่เมืองตานตะลาง โดยกล่าวว่าระบอบการปกครองจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำอันน่าสยดสยองนี้ และว่า การสร้างบ้านในรัฐชินไม่ใช่เรื่องง่าย คนชินไม่มีเหตุผลที่จะเผาบ้านเรือนของพวกเขาเอง
ในขณะที่ ดร. ซา ซา รัฐมนตรีความร่วมมือระหว่างประเทศของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG กล่าวว่า รู้สึกตกใจกับระดับความรุนแรงที่สูงมาก และการเพิกเฉยต่อมนุษยชาติอย่างโหดร้ายที่กองกำลังของรัฐบาลทหารแสดง
พร้อมระบุว่า หากปราศจากการสนับสนุนและการแทรกแซงของประชาคมระหว่างประเทศ ไฟที่จุดในรัฐชิน โดยระบอบทหารที่สังหารหมู่จะเขมือบทั้งประเทศ”
รัฐมนตรี NUG ยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทันทีและเด็ดขาดเพื่อยุติการเข้าถึงเงิน บริการทางการเงิน เชื้อเพลิง อาวุธและกระสุนปืนของรัฐบาลทหาร และที่สำคัญที่สุดคือความชอบธรรมระหว่างประเทศ
ครับ แม้สถานการณ์การในเมียนมาจะรุนแรงขึ้น แต่ดูเหมือนว่า นานานาชาติ จะไม่ได้มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมมากนัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และอียู
หากยังมีท่าทีได้แค่นี้ ไม่ช้าไม่นาน ก็จะเป็นเพียงเสือกระดาษ และจะยิ่งทำให้บทบาทของจีนในเมียนมา ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ