สวัสดีครับพบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia วันนี้มาติดตามข่าว การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี วงเงิน 1.28 แสนล้านบาท หลังจากที่เลื่อนกันมา และกลายเป็นประเด็นฟ้องร้องกันตามที่เป็นข่าว
และ ล่าสุดวันนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้มีการเปิดให้ยื่นข้อเสนอแล้ว และมีผู้มายื่น 2 ราย คือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ โดยให้ยื่น 4 ซองตามเกณฑ์เดิม และคาดว่า รฟม.จะเปิดซองคุณสมบัติในวันที่ 23 พ.ย.นี้ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ
วัน 9 พฤศจิกายน 2563 มีรายงานจาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ว่า ตามที่ รฟม. ได้ประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมคัดเลือกเป็นผู้ร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ทั้งนี้ มีเอกชนให้ความสนใจติดต่อขอซื้อเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนฯ ตั้งแต่วันที่ 10 – 24 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น จำนวนทั้งสิ้น 10 ราย ซึ่ง รฟม. ได้กำหนดเปิดรับซองข้อเสนอในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ทั้งนี้ได้มีบริษัทยื่นซองข้อเสนอการร่วมลงทุนฯ จำนวน 2 ราย ดังนี้
1. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
2. กลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ประกอบด้วย
1) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
2) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
3) บริษัท ซิโน – ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
มีรายงานเติมว่า การเปิดยื่นซองประมูล PPP net cost 30 ปี จะให้ยื่น 4 ซองตามเกณฑ์เดิม ได้แก่ คุณสมบัติ เทคนิค การลงทุน ผลตอบแทน และข้อเสนออื่นๆ โดยจะเปิดซองแรกทางด้านคุณสมบัติในวันที่ 23 พ.ย.นี้
แต่ยังไม่เปิดซอง 2 คือซองทางด้านเทคนิค และซอง 3 คือซองข้อเสนอราคา เพราะจะรอผลอุทธรณ์ที่รฟม.ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดให้ทุเลาคำสั่งของศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว ในกรณี บีทีเอสยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางกรณีที่ รฟม. เปลี่ยนเกณฑ์การพิจารณา แต่รฟม. ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งทุเลา แต่ยังไม่มีคำสั่งเรียกไต่สวน
สำหรับเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ที่กลายเป็นประเด็นฟ้องร้องนี้ คือการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเอกชน หรือ ที่เรียกว่า RFP ผู้ร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี จากเดิมจะตัดสินการประมูลที่ข้อเสนอด้านการเงินและผลตอบแทน 100% คือใครเสนอราคาต่ำสุด ก็เป็นผู้ชนะไป แต่มาเปลี่ยนเป็นการนำคะแนนด้านเทคนิคมาเป็นเกณฑ์ ตัดสินร่วมกับข้อเสนอด้านการเงินในสัดส่วน 30:70
โดยที่เป็นประเด็นปัญหา ตามที่ บริษัทบีทีเอสซี ระบุว่า คุณสมบัติกําหนดว่า ต้องมีประสบการณ์ทําอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 5 เมตร และมีมูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 5 พันล้านบาท และหมายเหตุไว้ว่า หากเป็นผู้รับเหมาไทย และมีประสบการณ์ด้านนี้จะได้รับการพิจารณา ซึ่งในประเทศไทยมีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่มีประสบการณ์งานก่อสร้างอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จํากัด(มหาชน) หรือ ITD และบริษัท ช.การช่าง จํากัด (มหาชน) หรือ CK
แต่รฟม. โต้ว่า รฟม. ระบุว่า เป็นอํานาจที่คณะกรรมการตามมาตรา36 แห่งพ.ร.บ.การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนพ.ศ.2562 สามารถทําได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟม.พิจารณา เนื่องจากกรอบระยะเวลาดําเนินการโครงการที่จํากัด ทําให้ รฟม.ต้องออกประกาศขายซองข้อเสนอไปก่อน และขยายเวลายื่นข้อเสนอไปอีก 45 วัน เป็นวันที่ 9 พ.ย.63 ทําให้เอกชนมีเวลาปรับปรุงข้อเสนอเท่าเทียมกัน
ดังนั้นก็คงต้องรอดูกันต่อไปนะครับว่า ประเด็นเหล่านี้จะส่งผลต่อการประมูลครั้งนี้อย่างไร และจะทำให้โครงการต่องล่าช้าออกไปอีกหรือไม่
ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานคร ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และ สถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า สายสีส้มตะวันออก จะเปิดปี 2567 และสายสีส้มตะวันตกเปิดในปี 2568 แต่ถึงเวลาจะขยับออกไปอีกหรือไม่ก็ต้องติดตามกัน เพราะจะเอาอะไรแน่นอนกับกระทรวงคมนาคมในยุครัฐมนตรีท่านนี้ไม่ได้นะครับ
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ถือว่าเป็นงานหิน เพราะระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี เป็นสถานีใต้ดินตลอดสาย ดังนั้นหากโครงการสร้างได้สำเร็จก็จะยกระดับวิศวกรรมด้านการก่อสร้างรถไฟฟ้าของไทยไปอีกขั้น และถึงเวลาที่บริษัทจากประเทศไทย สามารถออกไปประมูลก่อสร้างในต่างประเทศได้อย่างมั่นใจครับ
