ผนึกฟื้นลุยขุดคลองไทย(คลองคอคอดกระ)

616

 

สวัสดีครับพบกันอีกเช่นเคยกับช่อง 1one.asia วันนี้มาติดตามเรื่องโครงการขุดคลองไทย หรือที่เรียกกันก่อนหน้านี้ว่า คลองคอคอดกระ กันบ้าง

ซึ่งผลการศึกษาความเป็นไปได้ แนวเส้นทาง 9A ที่ผ่าน จังหวัดกระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช และ สงขลา มีความเหมาะสมที่สุด

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาขุดคลองไทย และให้พิจารณาเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 120 วัน เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

มีรายงานว่า ที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 ได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาขุดคลองไทยเส้น 9A กระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา ตามข้อเสนอของ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังชาติไทย

โดย ส.ส.ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ได้สนับสนุนให้ตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้จำนวน 49 คน โดยมีกำหนดพิจารณาเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 120 วัน

 

พล.ต. ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ระบุว่า ถ้าขุดคลองได้ จะสร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล การตั้ง กมธ.วิสามัญ ได้จะทำให้มีการลงพื้นที่อธิบายกับประชาชน และอาจจะผลักดันไปถึงจุดที่จะทำประชามติได้

 

ในขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า เรื่องการแบ่งแยกประเทศในปัจจุบันมีการทำความเข้าใจกันแล้ว แต่ตรงข้ามขุดคลองแล้วความมั่นคงจะเพิ่มขึ้น เพราะเรือดำน้ำที่ซื้อมาจะสามารถข้ามฝั่งได้
พร้อมกันนี้ ด้านเศรษฐกิจ ถ้าขุดคลองไทยได้ เงินจะไหลเข้าประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 

สำหรับพื้นที่ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคลองไทยมีทั้งหมด 12 แนว แต่แนวที่เหมาะสมที่สุดคือ แนวเส้น 9A ผ่าน จังหวัดกระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช และ จังหวัดสงขลา ยาวประมาณ 120-130 กิโลเมตร

ที่เลือกเส้นนี้ เพราะว่า ไม่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ต่างจากแนว 2 เอ คือจ.ระนอง – จ.ชุมพร ที่เคยศึกษา แม้ว่าจะเป็นช่วงที่สั้นที่สุด แต่อยู่ใกล้กับพรหมแดนประเทศเมียนมา จึงเลือกแนว 9 เอ ซึ่งมีอุปสรรคเพียงมีเทือกเขาบรรทัดขวางเท่านั้น จึงกำหนดให้แนวคลองอยู่เหนือขึ้นไปเพื่อไม่ต้องตัดผ่านภูเขา

 

ทั้งนี้ แนวคิดเดิมทีเดียวจะขุดที่ คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ อยู่ที่อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง กับ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ที่มีระยะทางแค่ 50 กม. ดังนั้นแรกๆ จะเรียกว่า คลองคอคอดกระ แต่เมื่อแนวเส้นทางเปลี่ยนไป จึงได้เรียกกันใหม่ว่า คลองไทย

 

โดยแนวความคิดนี้มีมากว่า 300 ปี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และมาถึงยุครัชกาลที่ 4 ฝรั่งเศส จะขอขุดคอคอดกระ เพื่อร่นระยะทางในการเดินเรือจากฝั่งทะเลอันดามันข้ามมายังฝั่งอ่าวไทย แต่มีปัญหากับอังกฤษ ก็ได้ยกเลิกไป

 

หลังจากนั้นมีการเคลื่อนไหวที่จะขุดคลองแห่งนี้มาอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อ พ.ศ. 2501 ปรีดี พนมยงค์ ได้เสนอให้ขุดคลอง แต่ถูกคัดค้านเพราะหวั่นแกรงว่าประเทศไทยแยกออกเป็นสองส่วน เป็นต้น

หรือ กรณี นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ขณะที่ยังดำรงตำแหน่ง องคมนตรี เขียนจดหมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี สนับสนุนการสร้างคลองไทย เป็นต้น

โดย รศ.ดร. สถาพร เขียววิมล อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคลองคอดกระ (คลองไทย) ระบุว่า การขุดคลองไทยแล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์ที่สำคัญคือ

1. คลองไทยจะเป็นเส้นทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก และจะมีส่วนสำคัญต่อระบบการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ทางด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อมของโลก

2. คลองไทยจะสามารถแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างละมุนละม่อม ด้วยสันติวิธีและถาวร เพราะคลองไทยจะสร้างงาน สร้างรายได้สร้างความเจริญไปทั่วทั้งภาคใต้

3. คลองไทยจะเป็ นเสมือนสายธารขนาดใหญ่เชื่อมสองฝั่งทะเลไทย เป็ นเส้นทางเศรษฐกิจก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินตรา จากต่างประเทศทั่วโลกไหลเข้าสู่ประเทศไทยได้ทั้งทางตรง และทางอ้อมได้โดยไม่มีวันหยุด สร้างงาน สร้างรายได้ เป็ นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งธุรกิจ แหล่งอุตสาหกรรม

4. ด้านความมั่นคง คลองไทยจะเสริมสมุททานุภาพ ทางด้านการทหารการขนส่งทางทะเลทางด้านอ่าวไทยหากมีการถูกปิดกั้นด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม คลองไทยจะเป็นเส้นทางขนส่งที่สำคัญทั้งในยามปกติและยามสงครามของประเทศ ยามปกติกองทัพเรือสามารถนำกองกำลังเข้าออกเพื่อการซ้อมรบ ลาดตระเวนตรวจตราป้องกันการเข้ามาของสิ่งผิดกฎหมายตามรอยต่อของเขตน่านน้ำ
ระหว่างประเทศ และการเคลื่อนย้ายกำลังของกองทัพเรือไปมาทั้งสองฝั่งทะเลไทย

5. ทางด้านการประมงจะขยายโอกาสทำให้เรือประมงไทย ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทยซึ่งมีอยู่กว่า 45,000 ลำ สามารถไปมาทั้งสองฝั่งได้สะดวกรวดเร็ว ทำให้เรือประมงจำนวนดังกล่าว สามารถเข้ามาใช้ทรัพยากรทางทะเลของทั้งสองฝั่งทะเลที่มีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ได้

6. คลองไทยลดพื้นที่ยากจน เนื่องจากแนวคลองไทยจะตัดผ่านบริเวณทุรกันดารของภาคใต้จึงทำให้พื้นที่หลายจังหวัดที่แนวคลองไทยผ่านจะได้รับประโยชน์จากความเจริญและความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลประชาชนที่อยู่ทั้งสองฝั่งคลองจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง

7.คลองไทยจะเพิ่มบทบาทให้กับประเทศไทยได้รับประโยชน์ ให้มีอำนาจต่อรองถ่วงดุลย์อำนาจ ทางเศรษฐกิจ การเมืองและทางทหาร ระหว่างประเทศมหาอำนาจของโลก

 

8. ประเทศไทยจะผลิตน้ำมันโดยมีต้นทุนถูกกว่าประเทศสิงคโปร์ คลองไทยจะเพิ่มความสามารถให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโรงกลั่นผลิตน้ำมันที่ต้นทุนต่ำกว่าประเทศสิงคโปร์ในย่านเอเชียได้ เพราะระยะทางการขนส่งน้ำมันใกล้กว่า และขนาดของเรือน้ำมันที่มีขนาดใหญ่กว่าไม่ต้องอ้อมไปผ่านถึงประเทศสิงคโปร์อีกต่อไปทำให้ลดค่าใช้จ่ายมาก

9. คลองไทยจะช่วยประหยัดค่าขนส่งสินค้าทางเรือ โดยเฉพาะเรือขนส่งน้ำมันทางทะเลทั้งหมดของประเทศไทยทั้งขาเข้าและขาออก

 

10. คลองไทยจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทที่สำคัญ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ ต่างๆในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ที่อยู่สองฝั่งทะเลไทย มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกจะได้รับผลประโยชน์ในด้านการประหยัดค่าใช้จ่าย ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลได้เป็นอย่างมาก เช่น เรือจากประเทศอินเดียจะส่งสินค้าไปยังประเทศจีนหรือประเทศญี่ปุ่นจะย่นระยะเวลาได้ 5 วัน ในแต่ละเที่ยวคิดเป็นเงินประหยัดหลายสิบล้านบาทต่อเที่ยว

 

สำหรับงบประมาณโครงการนี้ เป็นโครงการลงทุนที่สูงมากประมาณ 4 – 5 เท่าของงบประมาณก่อ สร้างสนามบินสุวรรณภูมิ (หนองงูเห่า ) ซึ่งอยู่ที่ 150,000 – 200,000 ล้านบาท งบประมาณการก่อสร้างโครงการคลองไทยประมาณ 700,000 – 1,000,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 5 -7 ปี จะแล้วเสร็จ

ส่วนรูปแบบการก่อสร้างคลอง การศึกษาเบื้องต้นจะเป็นคลองคู่ขนาน กำหนดความกว้างของคลองไว้ 400 เมตร ความลึก 30 เมตร เพื่อให้เรือขนาด 500,000 ตันแล่นได้ ความห่างระหว่างคลองคู่ขนานห่างประมาณ 1,000 เมตร มีการสร้างสะพานข้ามคลองไทยตลอดแนว 5 แห่ง

คลองไทย มักถูกพูดถึงบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจมีปัญหา โดยฝ่ายสนับก็เห็นว่า โครงการนี้จะเข้ามาช่วยให้เศรษฐกิจไทย มีความก้าวหน้าไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จะระบุถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านความมั่นคง ดังนั้นก็ต้องดูกันต่อไปครับว่า ในที่สุดแล้วโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

โดยเฉพาะตอนนี้ ต้องจับตา เรื่องการตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ ที่ส.ส.ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ได้ร่วมสนับสนุน และมีกำหนดพิจารณาเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 120 วัน จะคืบหน้าไปได้แค่ไหนครับ