EP2:ฝ่าความมืด ลุยโคลน เที่ยวเมืองทวาย

672

หลังจากเราหยุดพัก ก็ออกเดินทางต่อ เหลืออีกราว 1 ชั่วโมงก็จะถึงหมู่บ้านกะเหรี่ยง และต่อไปอีกราว 1 ชั่วโมงโมง ก็จะถึงทะวาย

อันที่จริงเมืองทวายห่างจากด่านพุน้ำร้อน ประมาณ 160 กม.เท่านั้นเอง แต่ด้วยสภาพถนนที่ขระขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ ก็ไม่สามารถใช้ความเร็วได้เต็มที่แบบเมืองไทย แต่พี่คนขับคนนี้ ก็ใส่เต็มที่แบบไม่กลัวรถจะพังเหมือนกัน

 

เมื่อเข้าสู่พื้นที่ด้านใน เราจะเห็นมีน้ำสลับกับพื้นป่า ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก เรานั่งรถไหปตามถนนที่ตัดผ่านไหลเขา สภาพถนนดินลูกรัง ทำให้ค่อนข้างขรูขระ บวกกับระยะนี้เป็นหน้าฝน สภาพถนนบางช่วง นอกจากมีหลุมแล้ว ยังมีโคลน ทำให้คนขับต้องใช้ความเร็วลดลง และค่อยๆ ขับไปตามถนนที่ขึ้นเนิน ลงเนิน และทอดตัวคดเคี่ยวไปมา ทำให้เราเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า

เรานั่งรถไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นหมอกเริ่มปกคลุม เนื่องจากใกล้ค่ำ แสงแดดเริ่มหายไป อาการกาศนอกเริ่มเย็น เนื่องจากมีมีร่องรอยฝนตกลงมา ในขณะที่แหงนขึ้นไปด฿บนท้องฟ้า ก็เห็นเมฆฝน ที่พร้อมจะลงมาตลอด เราเริ่มรู้สึกกังวล เพราะระยะทางยังอยู่อีกไกล และความมืดก็กำลังมาเยือน

ดูเหมือนว่ายิ่งเดินทางลึกเข้าไป สภาพถนนจะเริ่มลำบากมากขึ้น เราของเราเริ่มใช้ความเร็วลดลง และใช้ไฟส่องสว่าง เพราะความมือได้ปกคลุมทั่วบริเวณแล้ว

 

เราขับไปเรื่อยๆ นานจะมีรถสวนมากสักคน ซึ่งยิ่งต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะนอกจากไม่มีเส้นกึ่งกลางแล้ว ไหล่ทางก็ไม่มีเครื่องหมายใดๆ กำกับเอาไว้เลย เรียกว่า ต้องใช้ฝีมือ และสัญชาตญาณล้วนๆ

และในที่สุดเราก็มาถึงด่านของทหารกะเหรี่ยง ซึ่งจากนี้ไปจุดหมายปลายทางที่เราจะไปที่แรก คือ หมู่บ้านกะเหรี่ยง ซึ่งโปเฮ เด็กหนุ่มชาวกะเหรี่ยงที่มาพร้อมกับเราจะเดินไปที่นั่น เพราะเป็นบ้านของเขาที่จากไปนาน

พี่คนขับ ได้นำเอกสารผ่านทางของพวกเราไปแจ้งต่อด่านของกะเหรี่ยงเพื่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปในพิ้นที่

และไม่มีปัญหาเขาอนุญาตให้เราผ่านไปได้ เพราะพี่คนขับมักคุ้นอย่างดีกับทหารเหล่านี้ เราออกเดินทางต่อ โดยฝ่าความมืด และถนนที่ขรุขระ มีโคลน และมีน้ำผสมด้วย แต่ดูเหมือนจะไปมีปัญหาสำหรับคนขับ ดูเหมือนเขาจะคุ้มชินกับสภาพถนนนี้เป็นอย่างดี

ในที่สุดเราเดินทางมาถึงหมู่บ้านกะเหรี่ยง เราเห็นผู้คน และไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งผิดคาดของเรานิดหนึ่งก่อนหน้านี้ ที่นึกว่าหมู่บ้านนี้ไม่มีไฟฟ้า คงอยู่กลางป่ากลางเขา แต่จริงๆ กลับพบว่า หมู่บ้านนี้เจริญระดับหนึ่ง มีถนน และไฟฟ้า ค่อนข้างสะดวก

แต่ก็มีปัญหาที่โปเฮ หนุ่มกะเหรี่ยงที่มาด้วยกัน แบตเตอรี่หมด ไม่สามารถโทรติดต่อญาติในหมู่บ้านนี้ได้

 

ด้วยความกรุณาของพี่น้องชาวทวายที่เดินทางติดรถมาด้วย ช่วยโทรศัพท์ช่วย และโชคดีที่สามารถติดต่อได้ แต่กว่าจะหาจุดนัดพบกันเจอก็ใช้เวลายกใหญ่ เพราะสภาพพื้นที่ค่อนข้างมืดมาก

แต่ในที่สุดโปเฮ หนุ่มกะเหรี่ยงก็ได้เจอกับญาติๆของเขา และเป็นการกลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิด ที่เขาจากไปจากไฟสงคราม เมื่อเกือบ 20 ป่ก่อน ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ซึ่งเราก็พลอยยินดีด้วย