รัสเซีย ยกระดับ! ขนรถหุ้มเกราะยาว 64 กม.บุกกรุงเคียฟ

298

 

ไปติดตามสถานการณ์ในยูเครนกันต่อ ล่าสุด ขบวนยานยนต์หุ้มเกราะของกองทัพรัสเซียที่ยาวเหยียดถึง 64 กิโลเมตร กำลังเคลื่อนเข้าประชิดกรุงเคียฟ ของยูเครน นอกจากนี้ รัสเซียยังคงโจมตีกรุงเคียฟทางอากาศในช่วงเวลากลางคืนอย่างหนัก ส่วนที่เมืองคาร์คิฟซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ขีปนาวุธของรัสเซียทำให้พลเรือนเสียชีวิตไปหลายสิบคน เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

1 มีนาคม 2565 สำนักข่าว บีบีซีไทย – BBC Thai รายงานว่า ภาพถ่ายดาวเทียมของบริษัท Maxar Technologies ของสหรัฐฯ เผยให้เห็นขบวนยานยนต์หุ้มเกราะของกองทัพรัสเซียที่ยาวเหยียดถึง 64 กิโลเมตร กำลังเคลื่อนเข้าประชิดกรุงเคียฟ นครหลวงของยูเครนทางตอนเหนือ ทำให้หวั่นเกรงกันว่าจะมีการระดมโจมตีครั้งใหญ่ ซึ่งจะยกระดับความรุนแรงของการสู้รบขึ้นอีกอย่างมาก

ขณะนี้ขบวนรถทหารดังกล่าวอยู่ที่เมืองอิวานคิฟ (Ivankiv) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเคียฟมากนัก โดยภายในขบวนมีทั้งรถถัง รถหุ้มเกราะ รถลากจูงปืนใหญ่ รวมทั้งรถขนส่งกำลังพลและลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์

นอกจากนี้ภาพถ่ายดาวเทียมยังพบกองทหารรัสเซียจำนวนหนึ่ง ที่สนามบินอันโทนอฟ (Antonov) ซึ่งอยู่ห่างจากย่านใจกลางของกรุงเคียฟราว 27 กิโลเมตร ทั้งยังพบซากรถหุ้มเกราะและสะพานที่ถูกทำลายทางตะวันตกของเมืองด้วย ในขณะที่รัสเซียยังคงโจมตีกรุงเคียฟทางอากาศในช่วงเวลากลางคืนอย่างหนัก

ในช่วงเช้าของวันที่ 1 มี.ค. ตามเวลาในประเทศไทย รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีเมืองเคอร์ซอน (Kherson) ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางตอนใต้ของยูเครน โดยมีการเคลื่อนพลจากสนามบินที่ชานเมืองเข้ามาตามทางหลวงสายสำคัญ อย่างไรก็ตาม นายกเทศมนตรีของเมืองเคอร์ซอนยืนยันว่า ขณะนี้เมืองถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อม ทว่ายังไม่ได้ถูกยึดครองแต่อย่างใด

 

ขบวนยานยนต์หุ้มเกราะของกองทัพรัสเซียที่ยาวเหยียดถึง 64 กิโลเมตร/Cr.Maxar

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่การเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่พรมแดนยูเครน-เบลารุส เมื่อ 28 ก.พ. ยังคงไม่ได้ข้อสรุป แต่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกันว่าจะพูดคุยหารือกันต่อไป และจะกลับมาพบกันที่โต๊ะเจรจาอีกครั้งในอีก 2-3 วันข้างหน้า

ที่เมืองคาร์คิฟซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ขีปนาวุธของรัสเซียทำให้พลเรือนเสียชีวิตไปหลายสิบคน ซึ่งทางการยูเครนระบุว่ารัสเซียจงใจโจมตีทำร้ายพลเรือนโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีภาพวิดีโอที่ยืนยันว่า กองกำลังรัสเซียใช้ระเบิดลูกปรายซึ่งเป็นอาวุธต้องห้าม ในย่านที่มีประชาชนอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นอีกด้วย

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นายคาริม ข่าน อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ออกมาระบุว่า ตนต้องการจะไต่สวนหาข้อเท็จจริงในกรณีข้างต้น ซึ่งเขาเชื่อว่ามีเหตุผลอันสมควรที่จะต้องตรวจสอบการกระทำของรัสเซียและทุกฝ่ายที่ทำการสู้รบในยูเครน ว่าเข้าข่ายการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติหรือไม่ โดยเขาจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลอาญาระหว่างประเทศก่อนเริ่มการไต่สวนครั้งนี้

นางออกซานา มาร์คาโรวา ทูตยูเครนประจำกรุงวอชิงตันเข้าให้การกับรัฐสภาของสหรัฐฯ ว่ามีการใช้ระเบิดสุญญากาศซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามตามอนุสัญญาเจนีวา โจมตีทำร้ายพลเรือนชาวยูเครนจำนวนมากในการสู้รบเมื่อวานนี้ (28 ก.พ.)
ระเบิดสุญญากาศหรืออาวุธเทอร์โมบาริก (Thermobaric weapon) เป็นอาวุธที่บรรจุวัตถุระเบิดแรงดันสูง ซึ่งจะดูดเอาออกซิเจนในบรรยากาศรอบข้างเข้ามาจุดชนวนระเบิด ทำให้เกิดความร้อนมหาศาลและคลื่นกระแทกรุนแรงแผ่ออกไปโดยรอบ

ครับ ดูเหมืนว่า รัสเซีย จะถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ แม้ จะมีกำลังและอาวุธเหนือกว่ายูเครน แต่หากชาวยูเครนไม่ยอม ก็อาจจะทำให้การรบยืดเยื้อ และอาจซ้ำรอยเหตุการณ์สงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน ที่กินเวลา ถึง 10 ปี 24 ธันวาคม พ.ศ. 2522 – 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 หรือ เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “กับดักหมี” และจบลงด้วยต้องถอนทหารกลับไปเอง ไม่ต่างจากผู้พ่ายแพ้ ครับ