“ผู้พลัดถิ่น”ผวา! นอนไม่หลับหวั่นพม่าถล่มซ้ำ”ดอยก่อวัน”

682

 

 

 

มาติดตามสถานการณ์ หลังทหารพม่ายิงกระสุน ตกใกล้ฐานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/ กองทัพรัฐฉาน (RCSS / SSA) และตกใกล้ค่ายผู้พลัดถิ่นดอยก่อวัน ชายแดนรัฐฉาน – ไทย ตรงข้าม จ.เชียงราย ล่าสุดผู้พลัดถิ่น 2,500 คน ได้รับการแจ้งเตือนให้ระวังระดับสูง เผย ผู้พลัดถิ่นไม่กล้านอนทั้งคืน เพราะกลัวการโจมตี วอนประเทศไทย หากมีการโจมตีเริ่มขึ้น ขอข้ามมาอาศัยหลบภัย พักพิง หาที่ปลอดภัย เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกันครับ

 

20 เมษายน 2564 คณะกรรมการผู้ลี้ภัยรัฐฉาน – ชายแดนไทย (SSRC-TB) ได้เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 เมษายน เวลา 17.45 น. มีกระสุนปืนใหญ่ขนาด 120 มม.สองลูก ตกลงบนที่นาห่างจากค่ายดอยก่อวัน ไปด้านเหนือสองกิโลเมตร ขณะที่ผู้พลัดถิ่นประมาณ 20 คน รวมทั้งเด็กชายอายุ 12 และ 13 ขวบ กำลังอยู่ระหว่างดูแลเรือกสวนไร่นาและสัตว์เลี้ยง โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่มีชายวัย 51 ปีคนหนึ่งที่กระเด็นจากแรงระเบิด

ลูกปืนใหญ่ลูกที่สามถูกยิงตอนประมาณหกโมงเย็น แต่ไม่มีเสียงระเบิด ไม่มีใครทราบว่าตกลงที่ใด

ภายหลังเหตุยิงระเบิด ผู้พลัดถิ่นได้ปล่อยวัวและควายออกมา และนำไปเลี้ยงบนเชิงเขาใกล้กับค่ายที่พักพิงหลัก ในคืนวันนั้น ผู้พลัดถิ่นในค่ายทั้งหมด 2,559 คน ต้องจัดเตรียมข้าวของเตรียมพร้อมเพื่ออพยพ ผู้สูงอายุไม่อาจหลับได้เพราะกลัวการโจมตีทั้งคืน

อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 19 เมษายน เวลา 15.38 น. และ 15.42 น. ลูกปืนใหญ่ขนาด 120 มม. ถูกยิงใส่บริเวณที่นาเดียวกัน ที่ห้วยปางควาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับการยิงระเบิดวันก่อนหน้านั้น เนื่องจากไม่มีใครกล้าอาศัยอยู่บริเวณนั้นแล้ว

ห้วยปางควายนับเป็นแหล่งเกษตรกรรมหลักของผู้พลัดถิ่นที่ดอยก่อวัน เนื่องจากค่ายที่พักพิงของพวกเขาตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งไม่มีพื้นที่เหมาะสมต่อการเกษตร เดือนเมษายนมักเป็นเดือนที่ผู้พลัดถิ่นเตรียมที่ดินเพื่อปลูกข้าว ข้าวโพด และถั่วเหลือง แต่มีผู้พลัดถิ่นเพียงไม่กี่คนที่กล้าลงไปทำนาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม หลังจากที่กองทัพพม่าแจ้งต่อทางการไทยว่าจะเริ่มโจมตีสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ตามแนวพรมแดนรัฐฉาน-ประเทศไทย ยิ่งมีการยิงปืนใหญ่ลงมาเช่นนี้ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปทำนาอีก

ค่ายผู้พลัดถิ่นดอยก่อวัน/Cr.ภาพ Shan State Refugee Committee -Thai Border

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้พลัดถิ่นเกิดความหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีข่าวว่าทหารจากกองทัพพม่าหลายร้อยนายเคลื่อนกำลังพลมาถึงยังพื้นที่ เป็นการเสริมกำลังทหารเจ็ดกองพัน ซึ่งตรึงกำลังอยู่บริเวณรอบค่ายดอยก่อวันอยู่แล้ว รวมทั้งกองพันทหารราบเบาที่ 221, 225, 259, 388, 554, 572 และกองพันทหารราบที่ 314

ค่ายผู้พลัดถิ่นดอยก่อวัน ยังตั้งอยู่ท่ามกลางกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ซึ่งได้ยึดพื้นที่เดิมอันเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเขาที่เมืองกาน ภาคตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน ตั้งแต่ปี 2543 และต่อมากองทัพสหรัฐว้ายังบังคับให้ชาวบ้านชาติพันธุ์ว้าหลายพันคนจากตอนเหนือของรัฐฉาน อพยพมาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ โดยได้รับอนุญาตจากกองทัพพม่า

คณะกรรมการผู้ลี้ภัยรัฐฉาน (พรมแดนไทย) กังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยที่ดอยก่อวัน และค่ายผู้พลัดถิ่นอีกสี่แห่งตามแนวพรมแดนทางใต้ของรัฐฉาน-ประเทศไทย ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ถูกทหารพม่าบังคับย้ายถิ่นในภาคกลางและภาคใต้ของรัฐฉานอย่างกว้างขวางในปี 2539 – 2541 ประชาชนกว่า 3 แสนกว่าต้องอพยพและหลายคนถูกทรมาน ทารุณกรรมทางเพศ และสังหาร

 

ค่ายผู้พลัดถิ่นดอยก่อวัน/Cr.ภาพ Shan State Refugee Committee -Thai Border

 

คณะกรรมการผู้ลี้ภัยรัฐฉาน (พรมแดนไทย) ขอย้ำคำวิงวอนเร่งด่วนต่อรัฐบาลไทย โปรดอนุญาตให้ผู้พลัดถิ่นข้ามพรมแดนมาฝั่งไทยทันทีที่เริ่มมีการโจมตี และให้ที่อยู่อันปลอดภัยกับพวกเขา ที่พักพิง และการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

สำหรับคณะกรรมการผู้ลี้ภัยรัฐฉาน (พรมแดนไทย) SSRC (TB) ประกอบด้วยคณะกรรมการค่ายผู้พลัดถิ่นห้าแห่ง และค่ายผู้ลี้ภัยหนึ่งแห่งทางตอนใต้ของพรมแดนรัฐฉาน-ไทย

ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ พวกเขาไม่มีอะไรที่จะสู้รบปรบมือกับทหารพม่าเหล่านั้นได้ หรือแม้จะปกป้องตัวเองได้ ทางรอดทางเดียวของเขา คือ การได้เหยียบย่างข้ามมายังดินแดนประเทศไทย ครับ